top of page

กังไสสยาม 3 (1): ขยัน อดออม กลมเกลียว


1 เดือนผ่านไป เด็กหนุ่มทั้ง 3 คนเอาเงินเดือนมารวมกันได้ 30 กิลเดอร์ ต่างดีใจเพราะเป็นน้ำพักนำ้แรงจริงๆ เมื่อหักจ่ายค่าเช่าบ้านแล้ว แบ่งไว้ใช้ประจำวัน แล้วแบ่ง 3 ส่วนเก็บไว้ส่งกลับบ้าน ทุกคนตาเป็นประกาย เงินที่จะส่งกลับบ้านในอีก 3 เดือนข้างหน้า อาเบ๋งลงมือเขียนจดหมายบอกแม่ให้สบายใจว่าจะมีเงินไปจ่ายค่าข้าวที่ติดค้างไว้ได้


“อาฮง เราไปซื้อไก่เค็มมากินกันไหม ไม่ได้กิน เป็ด ไก่ มาเป็นเดือนแล้ว อั๊วอยากกินจริงๆ” อาหลงกระตือรือร้น




“อาหลง อากาศแบบนี้ กินเต้าหู้ดีที่สุด เรายังไม่คุ้นกับที่นี่เลย เอาไฉ่กัวมาต้มกับเต้าหู้กินกันดีกว่า”


“อาเบ๋ง ลื้อนี่ ขี้เหนียวจริงๆ อั๊วแค่จะซื้อนิดหน่อยเอง”


ทั้งสองเถียงกันจนอาฮงต้องเข้ามาขวาง แล้วแบ่งเงินให้อาหลงไปซื้อไก่ย่างกับซัมบัลมากิน ถือเป็นการฉลองครั้งแรกในต่างแดน


ชาวจีนในปัตตาเวียนี้ มีปะปนคละกันหลายช่วงหลายชั้น ไม่ใช่ว่าเป็น “จีน” เหมือนกัน แล้วจะรักกัน นอกจากจะถูกเจ้าอาณานิคมดูถูกดูหมิ่น หลายครั้งคนจีนด้วยกันนี่ล่ะ เหยียดหยามน้ำใจกัน


“อดทน อาหลง อาเบ๋ง วันหนึ่งเราจะมีเงิน แต่ไม่ดูถูกคน”


“เขาจ้างเราก็ถือว่าโชคดีแล้ว อาหลง ลื้ออย่าสนใจเลย” อาเบ๋งสมทบ


“เรา 3 คนก็ถือว่าโชคดี นายห้างใจดี แต่เราก็ไว้ใจใครไม่ได้ ยิ่งเขาดีกับเรา คนอื่นก็จะอิจฉา” อาฮงเตือน ในฐานะเป็นพี่แก่สุด


สังคมปัตตาเวียในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ คราคร่ำไปด้วยผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ แต่ก็แยกจากกันราวน้ำกับน้ำมัน เจ้าอาณานิคม เหมือนหยดน้ำมันลอยอยู่บนผิวน้ำ พ่อค้าชาวจีนผู้มั่งคั่งเหมือนฝ้าน้ำมันล้อมหยดนั้นอยู่ กุลีชาวจีน แขกทมิฬ และชนพื้นเมืองคือท้องน้ำสีขุ่น บางคราวก็ตกตะกอนข้นอยู่ท้องคลอง ไม่มีวันลอยขึ้นมาเกาะหยดน้ำมันได้


วันเวลาผ่านผัน เกือบ 2 ปีผ่านไปแทบไม่รู้วัน ด้วยบ้านเมืองในเขตร้อน ฤดูกาลไม่แตกต่าง เงินที่ 3 หนุ่ม เก็บออมส่งกลับบ้าน ช่วย “ยาไส้” เลี้ยงปากท้องแต่ละบ้านได้อยู่รอดตายมาเป็นปี


“อาเบ๋ง ลื้อมาทางนี้” เถ้าแก่หยางเรียก


อาเบ๋งตัวสั่นเทา กลัวว่าจะทำอะไรผิดใจเถ้าแก่


“ลื้อเขียนหนังสือสวย อั๊วมองลื้อมาเป็นปี เวลาผสมสี ก็รู้สัดส่วน อั๊วอยากให้ลื้อมาช่วยดูของที่จะส่งไปร้านค้าใน สิงคโปร์ มะละกา ปีนัง ไทรบุรี ดูบัญชีลูกค้า ตรวจของครบไหม”


อาเบ๋งละล่ำละลั่กบอกปัดทันที ถ่อมตัว “เถ้าแก่ อั๊วยังเด็กต้องเรียนรู้อีกมาก”


“เด็กอะไร ลื้อ17 แล้ว เป็นหนุ่มแล้ว อ่านหนังสือก็เก่ง อาบั๊กอีเล่าให้อั๊วฟังว่า อาป๊าลื้อเป็นคนรู้หนังสือ มาช่วยอั๊ว ได้เงินเดือนเพิ่ม ส่งไปเลี้ยงแม่ เลี้ยงน้อง มากขึ้น ลื้อไม่ชอบเหรอ”


อาเบ๋งคุกเข่าลงคำนับเถ้าแก่หยาง และสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุด


เสียงชื่นชมยินดีที่อาเบ๋งได้เลื่อนตำแหน่ง ทำให้หัวใจเด็กหนุ่มพองโต แต่ก็มีสายตาคนกลุ่มหนึ่ง ชิงชังโดยที่อาเบ๋งไม่รู้ตัว


เย็นวันนั้น อาเบ๋งชวนอาหลงไปซื้อเป็ดย่าง สร้างความประหลาดใจให้อาหลงมาก


“ลื้อไม่สบายหรือเปล่า อาเบ๋ง ปกติลื้อขี้เหนียวจะตาย”


อาเบ๋งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อาหลงฟัง อาหลงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ กระโดดโลดเต้น วันนี้ อาเบ๋งจึงตามใจอาหลงที่เฝ้ารอคอยเป็ดย่างมานาน สามหนุ่มเปรียบเหมือนเชือกที่ฟั่นเกลียว เติบโตมาด้วยกันอาฮงเป็นเส้นแกน ให้อาเบ๋ง อาหลง พึ่งพา


“จริงๆ เหรอ นี่ แม่จะต้องดีใจมาก ที่ลื้อก้าวหน้า แต่ลื้อก็ต้องระวังตัวนะอาเบ๋ง มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด” อาฮงเตือนน้องชาย


ตัวอาเบ๋งเอง เหมือนน้ำใส ไม่เคยมองใครเลว และมักมองหาเหตุผลในทุกสิ่งที่คนอื่นทำแก่ตัวเอง


มื้อเย็นวันนั้น เป็นมื้อที่กินอร่อยที่สุดในรอบ 2 ปีที่อดออมกันมา อาเบ๋งคีบเป็ดย่างช้ินใหญ่ที่สุดให้ อาหลง

Comments


bottom of page