top of page

กังไสสยาม 8 : สู่สิงคโปร์ เมืองแห่งโอกาส (3)


“ข้าวหักนี่ เถ้าแก่ให้กินได้เดือนละ 3 กิโล เกินกว่านี้จะต้องซื้อเอง” อาปอบอกเมื่อกลางวัน


‘แค่นี้ก็ประหยัดไปได้มาก เหลือเงินเก็บส่งไปให้แม่ได้อีก’ เกียนเบ๋งคิด


เย็นลง อาเบ๋งออกไปตลาดค่ำ หาซื้อของกินง่าย พอแก้ขัดไปสัก 2-3 วันก่อน ผักดอง หมูเค็มนิดหน่อย เพิ่มรสชาติให้ข้าวก็อยู่ท้อง คนจีนเชื่อว่าอิ่ม ต้องอิ่มข้าว ไม่ใช่อิ่มกับข้าว! ค่ำลง สิงคปุระก็ดูไม่ต่างจากปัตตาเวียนัก ทั้งโรงน้ำชา โรงบ่อนเบี้ย โรงฝิ่น แรงงาน ตัวผอมเกร็ง เดินราวกับซากศพไร้วิญญาณ กลิ่นฝิ่น ติดตัว เหม็นคลุ้ง น่าสอิดสเอียน ฝิ่น ทำให้ไม่หิว ไม่กิน กินก็ไร้รส เรียกว่ากันตาย เพื่อกลับมาสูบฝิ่นใหม่อีก


แสงตะวันแรกที่สิงคปุระสาดส่องเข้าทางช่องหน้าต่างลูกกรง อันที่จริง อาเบ๋งตื่นแต่หัวรุ่งด้วยความเคยชิน ลงมาหุงหามื้อเช้าง่ายๆ ข้าวต้ม ผักดอง ขณะรอข้าวเดือด ก็เก็บกวาดร้านไปพลาง เมื่ออาปอมาถึง ก็เปิดขายได้ทันที ป้ายตัวหนังสือจีนปักอยู่บนกระสอบข้าว ถั่ว ธัญพืช แต่ละชนิด


‘ดีเหมือนกัน ได้ทบทวนความรู้ภาษาจีนไปด้วย’ อาเบ๋งคิด


ไม่นานนัก บานประตูไม้เปิดออก เกียนเบ๋งปลดประแจไว้ก่อนล่วงหน้า สีหน้าอาปอดูพอใจ เมื่อเห็นร้านรวงสอาดสอ้าน พร้อมเปิดขายของ


“ลื้อเป็นคนขยัน จะต้องร่ำรวยแน่นอน อาเบ๋ง” อาปอทัก


อาเบ๋งได้แต่ก้มหัวคำนับผู้ใหญ่ และฟังอาปอแจกแจงหน้าที่ของตัว


“ลื้อดูข้าวนี่สิ เม็ดยาวๆ สีขุ่นๆ แบบนี้ เป็นข้าวจากไทรบุรี” นี่เป็นครั้งแรกที่อาเบ๋งได้ยินคำ “ไทรบุรี” เมืองที่อาเบ๋งจะเข้าไปเกี่ยวพันลึกซึ้งในอนาคต


“ส่วนนี่ คล้ายๆ กัน เป็นข้าวจากเมืองลิกอร์และสงขลาทางฝั่งตะวันออกของสยาม ข้าวแบบนี้ คนแถบมลายูจะคุ้นเคย ชอบกิน หากเป็นข้าวที่มาจากบางกอก เม็ดจะสั้น เนื้อนุ่มกว่า แบบนั้นคนจีนชอบ” อาปอสอนงาน


อาเบ๋งนึกพลาง ‘อย่างที่โกหย่งเคยบอก ข้าวสยามจะนุ่มนวลกว่า’


“สยามปลูกข้าวได้มาก ส่วนใหญ่ห้างเรารับมา แล้วส่งขายต่อไปเมืองจีน มะละกา หรือ ปีนัง คนจีนเยอะ ชอบข้าวสยาม แต่ไม่ใช่พวกแรงงานตามเหมืองนะ พวกนั้นกินข้าวหักๆ มีให้กินก็บุญโขแล้ว”


อาเบ๋งวักข้าวเข้าฝ่ามือแล้วโรยลง ข้าวสยามแทบไม่มีฝุ่นแป้งเลย เนื้อแน่น อยู่ปัตตาเวีย สิงคปุระนี่ มีข้าวให้กินไม่ขาด คิดถึงแม่และน้องๆ เหลือเกิน อยากให้ได้กินข้าวดีๆ แบบนี้บ้าง”


“ส่วนนี้เป็นข้าวสารนึ่ง ลื้อคงไม่เคยเห็นสิ ข้าวแบบนี้ จะมาจากหลายที่ สุมาตราก็มี เอาข้าวเปลือกไปนึ่งให้สุกครึ่งหนึ่ง แล้วตากแห้ง ข้าวแบบนี้ แขกอินเดียจะชอบกิน” อาปอสาธยาย


“นอกจากข้าวต่างๆ ห้างของเราก็มี พวกถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ลูกเดือย ....”


กลิ่นลูกเดือยต้มน้ำตาลกรวด หอมลอยออกมาจากในครัว แม้จะร่ำรวย มีกิจการร้านค้า คนนับหน้าถือตา ทั้งในเมืองตรัง สงขลา ปีนัง และสิงคโปร์ เจ้าสัวเบ๋งก็ยังคงใช้ชีวิตเรียบง่าย ลูกเดือยต้มใส่น้ำตาลกรวด โรยขิงอ่อนซอยบางเสี้ยว เป็นของกินยามบ่าย ชมจันทรา พิถีพิถันเรื่องถ้วยชาม แม้จะเป็นมื้อเล็กๆ ภายในครอบครัว ชมจันทราก็มักจะใช้ถ้วยชามดีอย่างเปอรานากัน ซึ่งเธอสะสมมาตั้งแต่ยังรุ่นสาว ถ้วยขนม ช้อน สีเขียวตัดลายชมพูเป็นชุดที่จะใช้ประจำในบ้าน เมื่อยังสาว ชมจันทรามักนั่งมองลวดลายบนเครื่องกระเบื้องเหล่านี้ ซึ่งล้วนมีความหมาย ดอกโบตั๋นสีน้ำเงินตัดพื้นเขียวและลายแทรกชมพูได้ดี


โต๊ะกลมบนระเบียงชั้นบน แสงแดดไม่กล้าเหมือนเมื่อเที่ยง เจ้าสัวเบ๋ง โกหลง นั่งพูดคุยกันอยู่


“หวานไม่มาก หอมขิงซอยจริงๆ ฝีมือดีไม่เปลี่ยนเลย” อาหลงชม


“โกหลงชมทุกครั้ง จนไม่อยากเชื่อแล้ว จริงๆ อาหลันก็ทำอร่อยนะ”


“รายนั้น ทำพอเอาตัวรอด ชอบค้าขายมากกว่า” อาหลงพูดถึงภรรยาคู่ชีวิต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกจับคู่กับอาเบ๋ง แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ชอบพอกันอย่างคนรัก และตัดสินใจเป็นแค่พี่น้องร่วมเครือญาติในหมู่บ้าน


“กินอร่อย แถมสบายตาด้วยนะ ถ้วยชามพวกนี้ ทำให้ของกินพื้นๆ อย่างลูกเดือยต้มขิงซอย ดูมีราคาขึ้นมากทีเดียว ชุดนี้ใช้มานานหลาย 10 ปีเลยนะ จันทร์” อาเบ๋งเอ่ย


“ได้มาหลังแต่งงาน ชุดที่บ้านตระกูลคอให้มาตอนแต่งงาน ฉันเก็บขึ้นไว้ เป็นที่ระลึกถึงท่านคอซิมบี้” ชมจันทรานึกย้อนความหลัง กาน้ำชา จอก ถ้วยขนม ลายดอกโบตั๋น สีชมพู ทอดกิ่งใบตัดสีเขียว นกตัวน้อยเกาะจับกิ่งบ้าง โผบินบ้าง ดูมีชีวิตชีวา เนื้อกระเบื้องบางละเอียดราวแก้วเจียระไน


“ใช่ ตระกูลคอมีพระคุณต่อพวกเรามาก เพราะท่านฉันจึงได้รู้จักเมืองตรังและผู้คนมากมาย ฉันยังจำได้ดี วันที่เราต้องล้มลุกคลุกคลาน ออกจากเมืองไทรบุรี” อาเบ๋งนึกตาม


“ฉันไม้กล้าให้ใครล้างเลย พวกสาวๆ ในครัวก็กลัวทำร้าว แตก” ชมจันทราเอ่ย


เสียงเออะตึงตังข้างนอก หัวหน้าคนงานกุมตัวคนไว้ 2 คน


“ท่านเจ้าสัว 2 คนนี้กลับไปสูบฝิ่นอีก ผิดคำมั่น”


แม้เจ้าสัวเบ๋งจะเป็นคนใจดี หากแต่ยามเด็ดขาด ทุกคนย่อมรู้ดี


“ลื้อ 2 คนผิดสัญญา อั๊วคงให้ทำงานในไร่ต่อไปไม่ได้ ทุกคนรู้ สำหรับอั๊ว ไม่มีครั้งที่ 2 เมื่ออั๊วให้ชีวิตใหม่ลื้อ 2 คนแล้ว แต่กลับไม่เอา ก็ออกไปเสีย คิดค่าแรงที่เหลือให้ 2 คนนี้ แล้วไล่ออกไปจากห้าง” น้ำเสียงเจ้าสัวอองเกียนเบ๋งเด็ดเดี่ยว



Comments


bottom of page