top of page

กังไสสยามตอน 4 : เสนห์จันทรา (3)


“อาเบ๋ง ลื้อดูไว้ อย่าไปยุ่งกับพวกอาเหลียง มันเป็นนักเลง ปล่อยเงินกู้ให้ชาวบ้าน แล้วเก็บดอกเบี้ยแพงๆ เถ้าแก่สองเป็นนายทุนให้มัน”

“แล้วเถ้าแก่หยางไม่ดุว่าหรือ โกหย่ง”


“เรียกไปพูดหลายครั้งแล้ว แต่เถ้าแก่สองก็แอบทำเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เถ้าแก่หยางยกโรงงานทำแป้งให้ แต่ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ติดการพนัน ติดผู้หญิง”


นานวันเข้า อาเบ๋งรู้เรื่องต่างๆ ในห้างมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ เพราะหน้าที่ของตัวก็มากพอแล้ว เสียงชื่นชมอาเบ๋ง ยิ่งทำให้อาเหลียงชิงชัง คิดหาทาง “สั่งสอน” อาเบ๋ง


“อาฮง อาเบ๋ง คืนนี้ในเมืองมีฉลองศาลเจ้าใหม่แถวโกลด้อก ได้ยินว่ามีงิ้วกวางตุ้งมาเล่นด้วย ไปดูกันไหม” อาหลงชักชวน


“ไม่ล่ะ อั๊วอยากอ่านหนังสืออยู่บ้านมากกว่า” อาเบ๋งส่ายหน้า


“เอาหน่า อาเบ๋ง พักผ่อนเปิดหูเปิดตาบ้าง หาอะไรๆ อร่อยๆ กิน พวกเราประหยัดกันมามากแล้ว หาความสุขใส่ตัวบ้าง” อาฮงเห็นด้วย


“คนเยอะ พวกนักเลงก็เยอะ เดี๋ยวมันก็ยกพวกตีกัน วิ่งหนีตายอีก” อาเบ๋งบ่ายเบี่ยง ไม่อยากเจอพวกอา

เหลียง


“กลัวอะไรวะ มือตีนเราก็มี ดีสิ อั๊วได้ฝึกกังฟูที่เคยเรียนมา ไปๆ ลุก แต่งตัว กินบะหมี่สักชาม ดูงิ้วสักเรื่อง”


ที่สุด ทนแรงคะยั้นคะยอไม่ได้ ทั้ง ๓ หนุ่มก็ออกมาท่องราตรีค่ำวันสุดสัปดาห์ ย่านโกลด็อก คราคร่ำไปด้วยชาวจีน ทุกระดับชั้น โรงบ่อน โรงน้ำชา ผู้คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ พลันเสียงเรียกออดอ้อนของสาวงามโรงน้ำชาดังขึ้น


“ซินตึ๊งหนุ่มหล่อวันนี้ ออกมาหาฉันหรือเปล่า แหม เขินหน้าแดงเลยนะ” เป๊กกี้ สาวงามประจำโรงน้ำชา เข้ามาคลอเคลียอาเบ๋ง หากเปรียบกันแล้ว อาเบ๋งดูมีเสน่ห์ มากกว่าอาฮงซึ่งหน้าตาหล่อเหลา แต่ดูดุดัน ส่วนอาหลงนั้น ออกจะเห็นหนุ่มขี้เล่น ขวัญใจสาวๆ โรงน้ำชา เพราะช่างพูดคุย


ด้วยมารยาท อาเบ๋งไม่ได้ตอบรับหรือบอกปัด เพียงแต่ขอตัวไปดูงิ้ว ซึ่ง “ป่วงเซียน” ถวายพรเทพเจ้าแล้ว

3 หนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสายตาจงชังจงเกลียดเล็งอยู่


“คืนนี้ อั๊วจะกระทืบสั่งสอนพวกมัน เสือกมายุ่งกับเป๊กกี้ของกู” อาเหลียงพูดให้ลูกน้องเตรียมตัว


“ลื้อจะกินอะไรนักหนา อาหลง บะหมี่ ๒ ชาม แล้วนี่ยังเริมปะอูดัง ข้าวเหนียวไส้กุ้ง” อาเบ๋งบ่น


“เอาน่ะ นานๆ ที ปล่อยอาหลงเถอะ” อาฮง ปรามอาเบ๋ง


“งานฉลองไม่ได้มีทุกวันนะ อาเบ๋ง ขออั๊วสนุกสักวันนะ” อาหลงกินไป ยิ้มไป


คืนนี้นับว่าคนเยอะ เพราะเล่นเรื่อง หวังเจาจิน นางเอกคณะนี้สวยมาก ร้องก็เพราะ คนทั้งโกตา ปัตตาเวีย ติดใจเสียงร้องกันทั้งนั้น ๓ หนุ่มตัดใจออกมาก่อนเพราะกลัวจะดึกเกินไป เกรงใจเจ้าของบ้านที่เช่าอยู่ชั้นล่าง


เดินมาได้ครึ่งทาง อาฮงถลาไปข้างหน้า ฝ่าตีนหนาหนักกระแทกเข้ากลางหลัง ไม่ทันได้ตั้งตัว


“นี่อั๊วสั่งสอนนะ ยังไม่อยากถีบลื้อ อาเบ๋ง ! หากยังยุ่งกับ เป๊กกี้อีก พี่ชาย น้องชาย ลื้อโดนถีบแน่” อาเหลียง ขู่ แต่ผิดคนเสียแล้ว เมื่อลูกขึ้นได้ อาฮงซัดหมัดรัว ใส่จนอาเหลียงลงไปกองอยู่ที่พื้น


“มึงขู่ผิดคนแล้ว ไอ้เหลียง” ทันใด อาเบ๋ง อาหลง ก็ตั้งท่ามวยกังฟู รับมือก๊วนอาเหลียง


3 - 4 คนพุ่งเข้ามาพร้อมกัน อาเบ๋งซัดลงไปกองที่พื้น อาหลงเองก็ไม่เบา ดัดหลังอากัง ลูกน้องอา

เหลียงจนร้องเสียงดัง เหลือแต่คู่อาเหลียงกับอาฮง


“มึงนี่มันลอบกัด คนหรือหมา” อาฮงสบถด่า ทันใด อาเหลียงเตรียมควักมีดสั้นออกมา แต่ถูกอาเบ๋ง แย่งไป


“นี่ จะฆ่ากันเลยหรือไง อั๊วกับพี่น้องไปทำอะไรให้ลื้อไม่พอใจ” อาเบ๋งโกรธเลือดขึ้น


“ลื้อจะถามมันทำทำไม กระทืบมัน แล้วกลับ” อาฮงเตรียมลงฝ่าตีนบนอกอาเหลียง


“อย่า อาเหลียงอยู่ห้างเดียวกับอั๊ว ถือว่ายกให้แล้วกัน อั๊วไม่อยากมีเรื่อง” อาเบ๋งว่า


คืนนั้น แม้จะไม้เพลี่ยงพล้ำ แต่ก็สะบักสะบอมพอดูชม ทั้ง ๓ หนุ่มพยายามหลบไม่ให้เจ้าของบ้านเห็น เกรงว่าจะทำให้ทั้งสองสามีภรรยาเดือดร้อน อาเหลียงกับลูกน้อง “พลาด” ไม่นึกฝันว่า อาเบ๋งจะมี “ดี” มีวิชากังฟู


“อั๊วว่า ๓ คนนี้ มันไม่ธรรมดา มีไม่กี่คนที่จะรู้วิชากังฟูดีขนาดนี้ แสดงว่าพ่อแม่พวกมันต้องมีฐานะพอตัว ถึงให้ลูกไปเรียนวิชาพวกนี้ได้” อาเหลียงเปรยกับลูกน้อง


Comentarios


bottom of page