กับข้าวคาวหวาน นับเป็นวัฒนธรรมร่วมอย่างหนึ่งของชาวเอเชียอาคเนย์ บางอย่างบอกยากว่าเป็นของใคร ใครเป็นต้นคิด ว่าไปรังแต่จะเกิดความขุ่นข้องหมองใจกัน หากแต่นับดูความเก่าแก่ของภูมิภาคก็อาจจะคเนเอาได้ ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง นี้ ทางเมืองปัตตาเวีย หรืออินโดนีเชีย เรียก rempah utang (เริมปะห์ อุตัง) คำแรกหมายถึง เครื่องตำ อาจเป็น พริกแกง หรือ สามเกลอ ก็เรียกอย่างเดียวกัน คำหลังหมายถึง กุ้ง rempah utang นี้ ผัดโดยไม่ใส่สีอย่างของเมืองและสอดไส้อยู่ในข้าวเหนียวที่นำไปนึ่งเคล้าน้ำอัญชันให้มีสีสวยงาม ส่วนของสยามจะแต่งสีส้มและใช้แต่งหน้าข้าวเหนียว และนิยมข้าวเหนียวนึ่งกับน้ำขมิ้นที่นอกจากให้สสวยและยังลดคาวกุ้งได้ดี นอกจากหน้ากุ้ง หน้าสังขยาก็ไม่เห็นในสำรับเดิมของเมืองปัตตาเวีย สังขยา คงมาแต่เครื่องจิ้มหวานของทางมลายู เรียก kaya (กายา) คนสิงคปุระนิยมกินกับขนมปังแผ่นบางปิ้งกับการแฟร้อน เป็นเครื่องเช้า ทางสยามบ้านเรามีทั้ง ๒ แบบ คือจิ้มกับขนมปังนึ่งร้อน กับที่ใช้เป็นหน้าข้าวเหนียวมูน
แถบบางยี่ขันนี้ ข้าวเหนียวหน้าหวาน แม่พรรณขึ้นชื่อไม่น้อยหน้าใคร นางหุง มูน เองทุกขั้นตอน นอกจากข้าวเหนียวขาวนวล แม่พรรณคนงามยังเพิ่มข้าวเหนียวก่ำ มีน้ำตาลแดงให้เลือกอีกอย่าง ส่วนตัวคิดว่ากับข้าวคาวหวานของเมืองสยามเราได้รับอิทธิพลจากเมืองปัตตาเวีย ด้วยข้อที่ว่าปัตตาเวียเป็นดินแดนเก่าแก่ มาแต่ครั้งยังไม่เกิดดินดอนใหม่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา
อาหาร และขนมที่ภูเก็ต มีคล้ายกับ อินโด มากเลย อิสลามผสมฮกเกี้ยน โดยเฉพาะของหวานที่มีอิจากโปรตุเกสนี่มีครบ