top of page

ชื้นลมฝน



๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นวันที่คนไทย ทั้งคนกรุงและหัวเมือง ต่างตกใจที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงถึง ๗๐๐๐ ราย ฉันเองก็กังวลไม่น้อยกว่าใครๆ กว่าจะคลายลงได้ ก็ย่ำค่ำ นี่ล่ะสิที่ทางพระท่านว่า ‘สักแต่ว่ารู้ อย่าเข้าไปเป็น’ สงสารก็แต่หมอ พยาบาล เพราะงานหนักเกินกำลัง พลางคิด ‘เราจะช่วยปันอะไรได้บ้าง’ ง่ายที่สุดคือ การรักษาใจกาย ไม่ให้ป่วยเป็นภาระหมออีก จะอย่างไรก็คงต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้ ‘ใจย่อมเป็นนาย กายย่อมเป็นบ่าว’ ร่างกายอ่อนล้าก็จะถูกเชื้อได้ง่าย ‘กังวลไปก็ไม่ช่วยอะไร’ หายทุกข์ใจ!


เสียงหวีดกาดัง น้ำต้มไว้ เดือด ทิ้งลาให้คลายร้อนจัด พอจะชงชาได้ คำ่นี้ชื้นฝน คล้ายจะลง แต่ก็ไม่ลงสักเม็ด กลิ่นแก้วหอมเย็น ผสมจำปา ผลักบานหน้าต่างออก ให้ลมโกรกแล่นทั้ง ๒ ฝั่งห้อง นั่งจัดตำรับตำราที่จะใช้สอนในวันพรุ่ง สัปดาห์หน้า และในเดือนกันยายน ข้างแรมไม่เห็นเดือนส่อง น้ำในคลองนิ่งไม่ไหวติง ควันไฟลอยขึ้นเป็นสาย คนบ้านเจ้าคุณดำเกิงฯ คงสุมไฟให้หมาแมว หมู่นี้เห็นออกมานั่งรับลมกันที่ท่าน้ำออกบ่อย บ่นกันเรื่องโรคระบาด ด้วยมีงานก่อสร้างอยู่ด้านหลัง แม่แป้นกลัวมาก ต้องย้ายมานอนที่เรือนริมน้ำ


พี่ติ่งโทรมาว่าพรุ่งนี้จะตำน้ำพริกข่าให้ มารับตอนเย็นๆ ถามนางว่าไม่กลัวโรคระบาดเหรอ หลวงท่านขอให้อยู่ห่างกัน นางว่า “ไว้ใจ” จริงสินะ คำนี้ช่างสำคัญในยามนี้ ทุกวันนี้ ไม่กล้าไปไหนไกลเพราะ ต้องสอนหนังสือ และทำงานให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่ง “ไว้ใจ” เรา เข้านอกออกในบ้านเขาได้ หากเราป่วยเพราะความคนอง สนุกสนาน คงจะเสียงานการเป็นมั่นคง รับคำพี่ติ่งว่าจะไปรับน้ำพริกข่า เอาน้ำผึ้งไปให้ด้วย


ค่ำแล้ว ฝนเริ่มลงบางๆ เปิดวิทยุฟังธรรมจากสถานีวัดนายโรง พอได้สบายใจ ชาร้อนกำลังได้ที่ กลิ่นขิงหอมลอยวน ช่วยให้ชุ่มคอ หายใจสบาย # เรือนบางระมาด


อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.ruenbangramat.com


16 views0 comments

Recent Posts

See All

コメント


bottom of page