top of page

ตอนที่ 2 : มุ่งมั่น บากบั่น (1)



“ซินตึ๊ง” 3 คนดูตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่รถไฟแล่นเข้าสู่ตัวเมืองปัตตาเวีย ทางรถไฟแล่นขนานไปกับแม่น้ำและถนน รถไฟดูจะเร็วที่สุดเพราะหากใช้รถม้า ก็อาจนานถึง 3 ชั่วโมงทีเดียว เพียง 1 ชั่วโมงเศษรถไฟก็ถึงตัวเมือง ปัตตาเวียคงเป็นเมืองท่าที่โอ่อ่าที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งดัทช์ อาหรับ ชนพื้นเมืองและ ชาวจีน ซึ่งสังเกตดูได้ไม่ยาก ด้วยผมเปียยาวด้านหลัง ย่านกาลิบาซาร์ ดูจะพลุกพล่านมากที่สุด เพราะเป็นย่านการค้า มีห้างฝรั่งและห้างจีนเรียงรายทั้งสองฝั่งถนน แม้ไม่สะอาดนัก แต่ก็นับว่าทันสมัยทีเดียว อาหลี่เรียกรถลาก 2 คันไปส่งที่พัก


“ที่นี่ หากใครมีเงิน ก็จะเรียกรถม้าซึ่งแพงมาก เพราะเร็วกว่า” อาหลี่เล่าเรื่องต่างๆ ไปตามทาง


“คนที่นี่ บางคนยังไม่มีวี่แววจะกลับหรือได้กลับบ้าน บางคนก็ตัดเปียทิ้งเสียเลย เพราะ อากาศที่นี่ร้อนชื้น มันไม่สะดวกเลยจริงๆ ยิ่งตอนนี้ คนที่มีมาจากแผ่นดินใหญ่ก็มักจะเล่าเรื่องต่างๆ ของบ้านเรา ความอดอยาก คดโกงมันมีเต็มไปหมด คนที่นี่ทำมาหากิน เกลียดเคียดแค้นพวกแมนจู ก็เลยตัดผมทิ้ง ก็มี”


เด็กหนุ่มทั้ง 3 คนต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ และไม่คิดเรื่องตัดผมเปีย เพราะนึกไม่ออกว่าตัวเองจะดูเป็นอย่างไร และหากกลับเอ้หมึงแบบไม่มีเปีย ก็คงดูเป็นตัวประหลาด ทว่าในใจลึกๆ ของทั้ง 3 คนก็ชิงชังพวกแมนจู แม้ว่าจะอยู่ไกลจากเมืองหลวงปักกิ่ง แต่ความแร้นแค้นทั้งจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้บ้านเมืองระส่ำระสาย ผู้ใหญ่ที่มีความรู้และ “เส้นสาย” การข่าว ก็มักจะสอนให้เด็กเกลียดชังราชวงศ์ชิง ระบอบการปกครองแบบอนุรักษ์นิยม เล่นพรรคพวก รับสินบน ทำให้บ้านเมืองอ่อนแรง นับแต่แพ้สงครามฝิ่น เป็นต้นมา พวก “ผมแดง” หลายหลากกลุ่มพันธุ์เข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ต่างๆ ในแผ่นดินจีน แผ่นดินอันกว้างใหญ่ถูกเทื้อแบ่งออกเป็นเสี่ยง เป็นก๊ก เป็นเหล่า จีนทางเหนือเจริญรุ่งเรืองทันสมัย จีนทางใต้ยากจนอดอยาก...


รถลากมาถึงปากตรอกเล็กแคบ อาฮงคะเนดูว่าไม่น่าไกลจากกาลิบาซาร์มากนัก หากเดินตัดตรง ที่นั่งรถลากนานเพราะต้องหลบหลีกสวนทางกัน ไปมา อาเบ๋งสังเกตว่าคนลากรถจะไม่วิ่งลงเต็มเท้า แต่วิ่งบนปลายเท้า ดูเหมือนลอย


“ลากรถต้องวิ่งด้วยปลายเท้า จะไม่เหนื่อยง่ายและเร็วด้วย ลื้อนี่ช่างสังเกตนะ อาเบ๋ง อย่างนี้อีกหน่อยได้เป็นเถ้าแก่แน่” อาหลี่ว่า


ตึกแถวเก่าคร่ำ ๒ ชั้น ยังมีพื้นที่ว่างชั้นบนและดาดฟ้า ชั้นล่าง 2 ผัวเมียชาวจีนฮากกาอยู่อาศัย นิสัยใจคออารี ไม่จุกจิก


“ลื้อ 3 คนอยู่ที่นี่นะ 2 คนผัวเมียนี่ใจดี เห็นใจที่ต้องจากบ้านมาทำงานหากินต่างถิ่น อีคิดค่าเช่าห้องชั้นบน 6 กิลเดอร์ อั๊วบอกอีแล้วว่า เดือนแรกจะขอเว้นก่อน รอจนพวกลื้อได้งานทำ จะจ่ายค่าเช่าเดือนที่ 2 เต็มเดือน และหักจ่ายเพิ่มสำหรับเดือนแรก อีก 2 กิลเดอร์ 3 เดือน ก็จะใช้หนี้เดือนแรกหมด”


เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน หันไปคารวะ 2 คนผัวเมีย


หัวค่ำ อาบั๊กเอาของมาส่งตามที่อาหลี่ให้คนไปบอกที่อยู่ ห้องโล่งๆ คับแคบพอเป็นที่นอน ที่กิน สำหรับ 3 คน ดีว่ามีห้องนำ้แยก 2 ห้องชั้นล่าง จึงไม่ต้องใช้ปะปนกับอีกครอบครัวหนึ่งด้านล่าง เวลาอาบน้ำ ยังต้องไปอาบที่ลานหลังบ้าน ซึ่งติดคลองปันจอรัน ซึ่งเส้นทางน้ำกลางเมืองปัตตาเวีย อาฮงกุลีกุจอยกตู้หนังสือใบน้อยขึ้นห้อง ซึ่งที่จริงแล้ว มีหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม ที่ว่างเป็นเสื้อผ้า ใบชา และผักดองเค็มแห้ง ที่ “แม่” ห่อมาให้กินบนเรือ แต่ไม่ได้ใช้ทำอาหาร เพราะกับข้าวบนเรือเพียงพอ แถมยังอร่อยถูกปากเสียด้วย อาเบ๋งน้ำตาซึมเมื่อเห็นห่อผักดองแห้ง


“อาเบ๋ง ลื้อจะอ่อนแอไม่ได้ เราออกมาแล้ว เราจะไม่กลับไปมือเปล่า” อาฮงจูงมืออาเบ๋ง อาหลง ไปที่ระเบียงหลังห้อง ซึ่งติดกับคลองปันจอรัน


“ลื้อ 2 คนดูสิ เรือเยอะแยะ แสดงว่าที่นี่ต้องมีงานมีเงิน คนถึงใช้เรือไปมา อย่างน้อยอั๊วจะพายเรือให้ได้ ส่งของก็ได้เงินแล้ว” อาฮงเอ่ย


อาเบ๋งได้สติ รู้ตัว ปาดน้ำตาทิ้ง “จริงด้วย โกฮงเราจะต้องมีเงินกลับบ้าน เราต้องมีเงินส่งไปให้แม่ น้องๆ และพี่สะใภ้ ใช่ไหม อาหลง” ทั้ง 3 คนลงไปลานด้านล่างอาบน้ำให้สดชื่น และเตรียมตัวเข้านอน


แสงตะวันแรกในแผ่นดินตะวันออกเฉียงใต้ ค่อยจับขอบฟ้า อาเบ๋งตื่นก่อน นานแล้ว จึงรีบลงไปที่ครัว เตรียมหุงหา ข้าว เต้าหู้ยี้ ที่อาหลี่จัดเตรียมไว้ให้ ช่วยให้คลายกังวลเรื่องการกิน มุมเล็กๆ ถ้วยชามต่างๆ ยังคงต้องยืม 2 ผัวเมียใช้ไปก่อน รอให้เข้าที่เข้าทางอะไรๆ คงสะดวกกว่า เสร็จมื้อเช้า อาหลี่มาถึงที่บ้านพักพอดี


“อาฮง อาเบ๋ง อาหลง ตอนนี้มีงาน 3 ที่นะ แล้วแต่ว่าพวกลื้อจะตัดสินใจกันเองนะว่าอยากจะทำอะไร” อาหลี่บอก


“อาหลี่ เราต้องขอคำแนะนำด้วย พวกเราไม่รู้จักใครเลย”


อาหลี่พอใจที่เด็กหนุ่มให้ความเคารพ


Comentários


bottom of page