top of page

กังไสสยามตอน 4 : เสนห์จันทรา (1)



ครัวบ้านคหบดีจีนในแถบอันดามันจะเปิดโล่ง ลานกลางบ้านเปิดรับแสงตะวันธรรมชาติ สว่างสอาด เหมือนตัวชมจันทรา “ครัวไฟ” 3 หัวเตา สอาดเรี่ยม มีโถกระเบื้องใบเขื่องใส่ขี้เถ้าไว้ราไฟ กะทะเหล็ก เก่าคร่ำคร่า ต่างขนาดกัน หม้อเคลือบ กาต้มน้ำ ทุกอย่างจัดวางเป็นระเบียบ โถกำเฉ่งใส่น้ำชาลำไยแห้ง เตรียมไว้ให้ท่านเจ้าสัวเบ๋ง ดื่มชุ่มคอ


“มันฝรั่งปอกแล้วต้องแช่น้ำเกลือ ไม่อย่างนั้นจะดำ เต้าเจี้ยว ซิอิ๊วขาว ซิอิ๊วดำเค็ม หวาน เตรียมไว้ เวลาทำ หยิบจับสะดวก” นายแม่แห่งบ้านอองสอนแม่ครัวรุ่นสาว


ทุกครั้งที่หยิบจับ ซิอิ๊ว เต้าเจี้ยว ชมจันทราจะยิ้มภูมิใจอยู่ในที ‘หยาดเหงื่อ ความอดทน มา ๓๐ กว่าปี’


“หอมแดง กระเทียม ซอยบางๆ แล้วตำ ตำกระเทียมก่อน หอมแดงน้ำมาก แหลกเร็วกว่า ขิงแยกไว้”


ไก่ตุ๋นมันฝรั่ง หรืออายัมปองเต กับข้าวชื่นชอบของโกเบ๋งที่ทำให้ทั้งสองได้รู้จักกันครั้งแรก ที่คฤหาสน์ตระกูลตัน เขตตันจงปาการ์ หนุ่มจีนผมเปียยาว หน้าตาดูสอาดสอ้าน ไม่คล้ายกุลีแม้น้อย สะดุดตาชมจันทรา แต่ก็ไม่อาจแสดงท่าทีใดๆ ตามธรรมเนียมเด็กสาวเปอรานากัน การสบตา แสดงท่าทีต่อชายใดๆ โดยเฉพาะคนแปลกหน้า เรื่องต้องห้าม แม้ชาติกำเนิดเป็นชาวสยาม ชมจันทราออกจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมจีนช่องแคบ เพราะเติบโตขึ้นมาในเมืองไทรบุรี ตำแหน่งกรมการเมืองของพ่อเธอ ทำให้ชมจันทราได้มีโอกาสเข้าสังคมผู้ดีทั้งในอลอร์สตาร์ หรือที่ปีนัง


“น้ำมันหมูใส่ไม่ต้องมากนัก เอารากผักชี ต้นหอมนั้นลงผัดก่อน จะหอม พอร้อนสักพัก ตักขึ้น ใส่กระเทียมหอมแดงตำ ลงผัด หอมหอมดี ใส่ขิงผัดให้หอม ใส่น่องไก่ เนื้อสะโพกลงผัด...”


ประตูไม้ฉลุลายจีน โปร่งรับแสงสว่างกลางลานบ้าน ห้องทำงานอาเบ๋งอยู่ชั้นบน คล้ายเป็นศูนย์บัญชาการ ห้างร้านที่ยกให้ลูกชายทั้ง ๔ คนแยกกันดูแล ตะเกียงลานจุดไฟติดไว้อุ่นน้ำในกาใบน้อย สำหรับอองเกียนเบ๋ง ชาอู่หลงอันแสนเรียบง่ายดีที่สุด


“ห้างที่สิงคโปร์บอกว่า ห้างตงหว่านของเถ้าแก่เหลียงไปกว้านซื้อพริกไทเมืองกำปอตมา จะเอามาแข่งกับห้างเรา สายเรารายงานว่าห้างตงหว่านเตรียมตัดราคาเรา อาป๊า” คุณชายสอง รับผิดชอบกิจการพริกไทของตระกูล แสดงความเบื่อหน่ายต่อนิสัย “คดในข้องอในกระดูก” ของเถ้าแก่เหลียง


“พริกไทเมืองกำปอต ถือว่าคุณภาพดีแต่ก็มีปัญหาเรื่องความชื้น คนอย่างอาเหลียงไม่เคยลงทุนอะไรจริง นี่เข้าฤดูมรสุมแล้ว แสดงว่าน่าจะเป็นพริกไทเก่าที่ตั้งแต่เดือนเมษายน ชื้นมากน้อย เราก็ไม่รู้ ... หากจะแข่งเรื่องปริมาณมากน้อย อั๊วว่าเสียเวลา ของเราผลิตน้อยกว่า แพงกว่า แต่เรามีลูกค้าทางยุโรป หากตงหว่านจะส่งไปขายที่ยุโรป อีต้องทำงานหนัก แล้วคนอย่างอาเหลียงนี่ จะเอาแต่ชนะ สุดท้ายอีขายของ

มั่วซั่วไปหมด อีมีทุกอย่าง มีมากกว่าเรา แต่คุณภาพสู้เราไม่ได้”


“ถ้าห้างตงหว่าน ตัดราคาได้จริง ราคากลางคงจะลดลงมาอีก ห้างยี่ปั๊วที่ปีนังก็จะมาบีบเราแน่นอน”


“แล้วลื้อวางแผนจะทำรับมือยังไง อาสอง”


“เรื่องนี้ ต้องสั่งสอนห้างตงหว่าน อั๊วจะติดต่อห้างของเจ๊หลิวที่ ไซ่ง่อน ลูกๆ เจ๊หลิวมีเครือข่ายกว้างขวางแถบนั้นที่ห้างตงหว่านไม่น่าจะรู้จัก อั๊วจะขอให้เจ๊หลิวซื้อตัดหน้าส่วนหนึ่ง ให้ราคาสูงหน่อย โกเหลียงเป็นคนตะกละ เห็นราคาสูงคงจะตะครุบ ส่วนที่จะส่งไปตลาดที่สิงคโปร์ก็คงไม่พอ อั๊วมั่นใจว่าพริกไทรอบนี้ น่าจะเป็นพริกไทรอง เม็ดแตก ไม่สวย ให้ทางเจ๊หลิวบ่นเสียงดังๆ ถึงสิงคโปร์ ประกาศขายลดราคา รับรองทางสิงคโปร์ไม่ซื้อแน่นอน ยิ่งทางปีนังก็จะไม่สนใจ พริกไทเมืองตรังก็จะมีราคาสูงกว่าเดิม”


“ดี ให้อาหลิวทำทีว่าขอคืนสินค้า พอเราขายของเราออกไปหมดแล้ว ค่อยรับพริกไทรองจากอาหลิวมา ส่งขายที่ห้างโกใหญ่ที่สงขลาได้ ดีไม่ดีอาจส่งเข้ากรุงเทพ เพราะน้ำท่วมใหญ่คงขาดของหลายอย่าง พริกไทรอง ขายถูกหน่อย” เจ้าสัวเบ๋งช่วยออกความคิด


“เป็นความคิดที่ดี ยังไงเราต้องรักษาตลาดทางตะวันตกไว้ให้ได้ อาเหลียงเป็นคนขี้อิจฉา จริงๆ ห้างตงหว่านที่เมดาน ได้เปรียบเรามากกว่า ใกล้ปีนังมากกว่าเราด้วยซ้ำ แต่นิสัย ชิงดีของโกเหลียงนี่สิ แก้ไม่หายจริง” โกสองบ่น


สองพ่อลูกพูดคุยกัน ฟังดูจริงจัง อาเบ๋งในวัย 60 ปีปลาย ยังพอใจรับฟังปัญหาการค้าการขาย ทว่าการตัดสินใจนั้น ถือเป็นเรื่องของลูกชายทั้ง ๔ เอง มื้อกลางวันสุดแสนเรียบง่าย ชมจันทราสุขใจทุกครั้งที่เห็น สามีและลูกกินกับข้าวที่เธอตั้งใจทำจนหมดเกลี้ยง


“อร่อย อยัมปองเต ของนายแม่ ไม่เหมือนใคร”


“ปากหวานนะ โกสอง กินมาหลายสิบปี ไม่เบื่อกันหรือไง”


“ฉันชอบ โอต๊ะ เธอทำอร่อย”


“ฉันชอบห่อหมกอย่างสยามมากกว่า เพราะนึ่งแล้ว เนื้อมันไม่แห้ง โอต๊ะย่างไฟ เนื้อแห้งกว่า แต่ก็หอม”


Commentaires


bottom of page