top of page

ตอนที่ 5 : หมัดมวยต่อยตี (1)


เช้าวันรุ่งขึ้น แม้อาเบ๋งจะพยายามหลบหน้าโกหย่ง เพราะไม่อยากให้เห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้า แต่ก็ ..


“ลื้อไปมีเรื่องกับใครมา เมื่อครู่เห็นพวกอาเหลียงก็หน้าบวม คิ้วแตก”


“คนเมาที่โรงงิ้ว โกหย่ง ไม่มีอะไร อั๊วโดนลูกหลงไปด้วย ดีที่อาฮงมาช่วยไว้” อาเบ๋งบ่ายเบี่ยงเสไปไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นมวยกังฟู


“แล้วไป ระวังตัวหน่อย เถ้าแก่ใหญ่ไม่ชอบให้คนในห้างไปมีเรื่องกับใคร”


อาเบ๋งพยักหน้ารับคำ ทั้งวันนั้นอาเบ๋งพยายามเลี่ยงประจันหน้ากับพวกอาเหลียง ที่คอยมองด้วยสายตา “เอาเรื่อง” แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี พลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืน


“อาเบ๋ง ลื้อนี่ เงียบๆ หงิมๆ แต่เอาเรื่องนะ เตะ ต่อย ไม่แพ่อาฮงเลย” อาหลงแซว ขณะทั้งสามคนผลัดกันประคบหน้าด้วยน้ำเย็น


“ก็ลื้อ ไม่ตั้งใจฝึกนี่ อาหลง อั๊วกับโกฮงต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า ซิงแซแม้จะดุ แต่ก็ดีกับพวกเรามาก หลังฝึกเราได้กินข้าวต้มร้อนๆ ทุกครั้ง ก่อนกลับมาบ้าน ไปโรงเรียน” อาเบ๋งนึกถึงวันเก่าๆ


“อั๊วขี้เกียจตื่นเช้านี่ ง่วงจะตายไป”


“เห็นไหมล่ะ สุดท้ายมันก็ดีต่อตัวเราเองได้ใช้ป้องกันตัว ป่านนี้พวกอาเหลียงมันงงตายแล้ว” อาฮงเสริม

“พวกอาเหลียง คงแค้นน่าดู ต่อจากนี้ มันคงต้องคอยจ้องหาเรื่องเรา” อาเบ๋งต่อ


“ลื้อต้องระวังตัวมากๆ เพราะทำงานที่เดียวกัน” อาฮงเตือน


“ไม่ต้องห่วง อั๊วเอาตัวรอดได้ เพียงแต่ไม่อยากมีเรื่อง เถ้าแก่ใหญ่ยุติธรรมเสมอ แต่หากมีเรื่องในที่ทำงาน งานเสียหาย มันก็ต้องผิดทั้ง 2 คน จริงไหม โกฮง”


หลังโรงแป้งมัน อาเหลียงไม่เป็นอันทำงาน นั่งคิดแค้นหาทางเอาคืนทั้ง 3 คน ที่ทำให้ให้พวกตัวเองต้องเจ็บทั้งตัวและใจ ในย่านโกลด้อก ไม่เคยมีใครใหญ่ไปกว่าพวกอาเหลียง


“พวกมันหยามอั๊ว อาเจ็ง ลื้อไปตามอากุ่ยมา” อาเหลียงสั่งลูกน้อง


อากุ่ย แม้จะทำงานแผนกเดียวกับอาเบ๋ง แต่ก็แทบจะไม่เคยคุยกัน ทุกครั้งที่อาเบ๋งทักทาย อากุ่ยแค่ยิ้มรับ แล้วรีบเดินหลบไป ...


“ไม่ อั๊วไม่กล้า หากเถ้าแก่หยางรู้ อั๊วตายแน่” อากุ่ยยกมือท่วมหัวขอร้องอาเบ๋ง


“ลื้อกลัวเถ้าแก่หยางมากกว่าเงินที่ลื้อยืมอั๊วไปรักษาเมียลื้อหรือไง อากุ่ย ถ้าลื้อไม่กล้า ก็ไปหาเงินมาใช้อั๊วพร้อมดอกเบี้ยภายในเดือนนี้” อาเหลียงขู่


“อั๊วจะหาที่ไหน ลำพังแค่ดอกเบี้ยก็ยังแทบจะไมเหลือเงินใช้จ่าย ทั้งค่ายา ค่าเช่าบ้าน”


“งั้นลื้อก็ต้องทำ ลื้อเป็นอยู่แผนกเดียวกับอาเบ๋ง แค่ผสมกรวดลงไปในข้าว มันจะยากอะไรวะ”


“ก็ต้องมีคนเห็นอยู่ดี” อากุ่ยหน้าเสีย ตัวสั่น


“ลื้อก็ทำอย่าให้คนเห็นสิวะ ไอ้โง่”


อากุ่ยกลัวลนลาน เข้าตาจน ไม่รู้จะทำอย่างไร


แดดเช้าเมืองตรังปลายฤดูมรสุมอบอุ่น ต้นไม้ใบหน้าเขียวชอุ่ม จะกี่เดือนปีผันผ่าน อาเบ๋งก็ยังอยู่ที่บ้านเดิม ตึกฝรั่งแบบสมัยนิยม ชิโนโปรตุเกส หน้าบ้านขยายออกเป็น ๒ คูหา ทำให้พื้นที่บ้านด้านในกว้างไปด้วย หน้าบ้านเมื่อคนงานเปิด “ห้าง” จริงๆ ควรจะเรียกบ้าน เพราะไม่ได้ใช้ติดต่อธุรกิจนานหลายสิบปี ห้างใหญ่ขยับขยายไปอยู่ในเมือง ติดต่อสะดวกกว่าที่กันตังมาก


“ฉันรักกันตัง” ชมจันทรามักบอกให้อาเบ๋งชื่นใจ


“ฉันพาเธอมาลำบากนะ จันทร์”


“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันดีใจที่โกเบ๋งเลือกมาอยู่สยาม แทนจะอยู่ฟื้นฟูห้างที่ไทรบุรี”


“แต่เราแทบจะเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยนะ ตอนนั้น”


“เรานับมาไกลแล้ว โกเบ๋ง” ชมจันทรา ไม่เคยเสื่อมศรัทธาตัวสามีเลย


Comentários


bottom of page