top of page

ตอนที่ 7 : ขยัน อดทน ไขว่คว้า (1)



“สิงคโปร์!” “ไม่ อั๊วไปไม่ได้ จะไปได้ยังไง อาฮง อาหลง พี่น้องอั๊ว อยู่ที่ปัตตาเวียนี่หมด” อาเบ๋งตกใจ เมื่อโกหย่งเรียกตัวไปพบเช้าวันรุ่งขึ้น และบอกเรื่องย้ายไปทำงานที่สิงคโปร์


“ลื้อ เป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ มีความรู้ น่าเสียดายที่ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ อั๊วเห็นลายมือที่ลื้อเขียนบนลัง กระสอบข้าว อั๊วก็พอรู้ว่าไม่ธรรมดา ลื้ออยู่ที่นี่ อาเหลียง มันก็คอยแต่หาทางรังแกลื้อ ลื้อฉลาดไม่ตอบโต้มัน เพราะเห็นแก่ห้าง อั๊วเองก็ไม่อยากขัดใจกับน้องชายอั๊ว” เถ้าแก่หยางเอ่ย เดินเข้ามาสมทบ


ทั้งโกหย่งและอาเบ๋งคำนับเถ้าแก่หยาง


“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ อั๊วต้องคุยกับอาฮง อาหลงก่อน เรา ๓ คนพี่น้อง ไม่เคยแยกจากกัน อาหลง แม้จะไม่พี่น้องคลานตามกันมา แต่เราก็ลำบากมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก” อาเบ๋งบอกด้วยเสียงอ่อนโยน เคารพเถ้าแก่หยาง


“อั๊วเข้าใจ ลื้อต้องคิดดีๆ สิงคโปร์จะเปิดโอกาสให้ลื้อได้เรียนรู้อีกมาก 3 ปีกว่าในปัตตาเวีย อั๊วว่ามันมากพอให้ลื้อเข้าใจโลกใหม่ ที่สิงคโปร์ ลื้อจะเก็บเงินได้มากกว่าที่นี่ เพราะการค้าขายดีกว่าที่นี่อีกนะ” เถ้าแก่หยาง เอ่ยเรื่องเก็บเงิน เพื่อชักชวน เด็กหนุ่มไฟแรงให้ไปเผชิญโลกกว้าง


“หา .. อะไรนะ สิงคโปร์หรือ ดีจังเลย อาเบ๋ง ลื้อเก่งมาก อั๊วดีใจด้วย” อาหลงตื่นเต้นกับโลกใหม่ของอาเบ๋ง


“ใครว่าอั๊วจะไป ไปแล้ว ลื้อ 2 คนล่ะ จะอยู่ยังไง อั๊วก็เหมือนกัน จะอยู่ยังไง” อาเบ๋งขัด


“อาเบ๋ง มันเป็นโอกาสของลื้อ เถ้าแก่หยางเห็นความเก่งความดี ในตัวลื้อ เลยหยิบยื่นโอกาสให้ อั๊วอยากให้ลื้อไปนะ วันข้างหน้า หากมีลู่ทางทำกิน อั๊วกับอาหลงก็จะตามไปได้ คนเรา ต้องก้าวหน้า” อาฮงสำทับ


“โกฮง เราอยู่อย่างนี้ ก็มีกินมีใช้ เก็บเงินส่งไปบ้านได้ มากขึ้นเรื่อยๆ อั๊วว่ารอสักพักดีกว่าไหม” อาเบ๋งอิดออด


“โอกาส ไม่ได้มีมาทุกวันนะ อาเบ๋ง”


คืนจันทร์เต็มดวง แสงจันท์ส่องสะท้อนน้ำในคลอง เห็นเป็นเงาไหวๆ เสียงละหมาดสุดท้ายดังแว่วแต่ไกล บ้านเมืองที่คนท้องถิ่น ตกเป็นเครื่องมือแสวงหาความมั่งคั่งของชาวต่างผิว และถูกเหยียบให้จมดิน จนแทบจะลืมตาอ้าปากไม่ได้ ทั้งที่ดินดำน้ำชุ่ม แต่เหตุใดเจ้าของแผ่นดินจึงถูกย่ำสลายเช่นนี้


“อั๊วรักที่นี่ ที่นี่มีข้าวกิน อากาศดี คนใจดี หากจะมีเรื่อง ก็พวกเราคนจีนที่ก่อเรื่องกันเอง” อาเบ๋งเอ่ยขึ้น ทั้ง 3 หนุ่ม ยังข่มตาหลับลงไม่ได้ เพราะต่างก็ตื่นเต้นเรื่องอาเบ๋งจะไปสิงคโปร์หรือไม่


“สิงคโปร์น่าจะมีข้าวอร่อยกว่าที่นี่นะ อั๊วเห็นพวกนายเหมือง นายห้าง มาติดต่อที่โรงงาน แต่งตัวกันดีๆ ทั้งนั้น” อาฮงเอ่ย ทั้งเกลี้ยกล่อมน้องชายให้รับโอกาสนี้


“อั๊ว ก็อยากไปกับลื้อนะ ถ้าอั๊วเขียนหนังสือเก่งๆ อาเบ๋ง ลื้อไปก่อน แล้วดูว่ามีอะไรให้อั๊วทำได้บ้าง” อาหลงเสริม


อาเบ๋งเงียบ ครุ่นคิด พลางนึกถึง แม่และน้องๆ ในเอ้หมึง จดหมายที่แม่ส่งมาทำให้ใจชุ่มชื้น


‘เราใช้หนี้ร้านค้าไปหมดแล้ว ปีที่ผ่านมา ฝนตกมาก ปลูกข้าวได้ดี ผักต่างๆ ก็ปลูกได้มาก คิดว่าลูกๆน่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านได้ปีหน้า อาเบ๋ง น่าจะแต่งงานได้แล้ว เราเลือกสะใภ้ไว้ให้ เป็นลูกสาวของคนอีกหมู่บ้าน ไม่ยากจน เขาเห็นว่าบ้านเรามีลูกชายทั้งนั้น ก็อยากให้แต่งงาน ออกมาช่วยงานบ้านเรา แต่งงานแล้ว ให้ออกไปปัตตาเวียกับอาเบ๋งเลย คอยดูแลหุงหาให้พวกลื้อ 3 คน’


อาเบ๋งไม่เคยคิดเรื่องมีครอบครัว แค่ทำงานเลี้ยงปากท้องที่มีอยู่ก็หนักหนาพอแล้ว อาฮงแต่งงานแล้ว ก็เหมือนไม่แต่ง เพราะต้องแยกกันอยู่ พีสะใภ้เป็นคนดี ทันสมัย ไม่ยอมให้มัดเท้า จึงดูเป็นผู้หญิง “แหกคอก” ในหมู่บ้าน แต่ก็ช่วยแม่ทำงานได้ดีกว่า เพราะเท้าของแม่ที่ถูกมัด ทำให้เดินไม่สะดวกนัก


“ลื้อตัดสินใจยังไง อาเบ๋ง ผ่านมา 7 วันแล้ว ไม่เห็นบอกเสียที” โกหย่งถามเอาคำตอบ


“ถ้าเถ้าแก่หยางเห็นว่าดี อั๊วก็จะไป เพราะไม่อยากขัดน้ำใจเถ้าแก่” อาเบ๋งตอบ ด้วยคำพูดของแม่ในจดหมาย อาเบ๋งไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว เป็นภาระ หากจะมีต้องร่ำรวยกว่านี้ นี่ เป็นแรงผลักเดียวให้อาเบ๋ง

ออกจากปัตตาเวีย


“ต้องอย่างนี้สิวะ ที่สิงคโปร์ ลื้อจะได้เรียนรู้อีกมากนะ สัก 2 - 3 ปีก็เก่ง อั๊วมั่นใจ เดี๋ยวอั๊วจะไปบอกเถ้าแก่หยาง ลื้อจะได้เตรียมตัวเดินทาง” โกหย่งบอก


댓글


bottom of page