top of page

หมัดมวยต่อยตี (2)




สักพัก อาสองลูกชายรองเดินเข้ามา ชมจันทราเดินเข้าครัวเตรียมอาหารเช้าให้ ๒ พ่อลูก


“ห้างที่ไซ่ง่อนโวยวายใหญ่โตว่าพริกไทจากห้างตงหว่านไม่ได้คุณภาพ เม็ดแตก ชื้นอีกต่างหาก เลยจะไป ขอแบ่งจากทางสิงคโปร์”


สองพ่อลูกหัวเราะขึ้นพร้อมกัน


“อาหลิวฉลาดเสมอ คงนึกอยากสั่งสอนอาเหลียงมานานแล้ว” เกียนเบ๋งเอ่ย


“ได้ยินว่าทางสิงคโปร์ขอตรวจสอบคุณภาพก่อน ยังไม่สั่งซื้อ เจ้หลิวโวยวาย ขอลดราคาจากห้างตงหว่าน อั๊วคิดว่า โกเหลียงต้องยอมลด อาป๊าก็รู้ เจ้หลิวไม่หยุดโวยง่ายๆ”


“โกสอง ลื้อติดต่อไปห้างเจ้หลิวนะว่าเราจะรับซื้อพริกไทส่วนนี้ เพราะที่พระนครน้ำท่วม ให้ส่งไปห้างโกใหญ่ที่สงขลา พริกไทรองพวกนี้ พอส่งขายได้ เพราะพระนครคงขาดแคลนมาก กำไรไม่ต้องมาก พริกไทของห้างเรา เตรียมไว้ส่วนหนึ่ง เพราะทางสิงคโปร์คงสั่งมาแน่นอน


“มาๆ กินข้าวกัน” เกียนเบ๋ง ชวนลูกชายกินข้าวเช้ากันอย่างเคย


ชมจันทราตื่นเช้าเสมอ เพราะต้องกำกับงานในครัว แต่ละวันมีคนมาพบอาเบ๋งมากมาย มื้อกลางวันจึงมักเป็นมื้อใหญ่ เพราะต้องเลี้ยงแขก มื้อเย็นเป็นเวลาของครอบครัว มีบ้างที่เกียนเบ๋งต้องออกไปงานสมาคมต่างๆ มื้อเช้าเป็นมื้อที่เรียบง่ายที่สุด และชมจันทราจพิถีพิถันมากที่สุด


เต้าหู้ขาวเนื้อแข็งนึ่งร้อน แต่งหน้าด้วยเต้าเจี้ยวหมูสับ โรยต้นหอม หอมเจียว อย่างที่เกียนเบ๋งชอบ


“โอ โตวยูบัก กำลังอยากกิน ฝีมือนายแม่อร่อยที่สุด” โกสองมักทำให้ชมจันทรายิ้มเสมอ


หากเอ่ยถึงกับข้าวแบบจีนช่องแคบแล้ว บ้านตระกูลคอแห่งเกาะปีนังไม่เคยน้อยหน้าใคร สาวน้อยเชื้อสายสยามได้รับการศึกษาอย่างดีจากโรงเรียนคอนแวนต์ วันหยุดก็เรียนทำกับข้าวจากบ้านตระกูลคอ โตวยูบัก กับข้าวประจำบ้าน ที่สาวๆ ทุกคนต้องทำเป็น เริ่มจากการเลือกเนื้อหมูส่วนที่ติดมัน และส่วนเนื้อล้วน ให้พอดีกัน ชมจันทราไม่ชอบใช้เนื้อส่วนท้อง หรือเนื้อสามชั้นเพราะมีไขมันมากเกินไป เครื่องเทศ ต่างๆ ทั้ง อบเชย โป่ยกัก พริกไท พริกเสฉวน เธอจะเก็บในกระป๋องดีบุกอย่างดี


“ดีบุกใช้ทำถ้ำชา เก็บกลิ่นหอมได้ดี แห้ง เอามาใช้เก็บเครื่องเทศ ก็เก็บได้นาน” แม่ใหญ่ หรือคุณนายใหญ่ตระกูลคอ สอนเธอมาเช่นนั้น ครัวคืออาณาจักรของชมจันทรา และสาวๆ เปอรานากันส่วนใหญ่ เป็นเหมือนโรงเพาะชำต้นกล้าใหม่ๆ ด้วยอากาศที่ชื้นเสียส่วนมากบนคาบสมุทรมลายู ครัวจึงต้อง “โปร่ง” แสงแดดสาดถึง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ล้างสอาดแล้ว ต้องผึ่งลมแดดให้แห้งสนิท ชมจันทรามอง “ก๋ำเฉ่ง” ใบใหญ่น้อยลดหลั่นกัน สมบัติที่ได้เป็นของขวัญจากตระกูลคอ เมื่อเธอออกเรือน ฝีมือการวาดลายบ่งถึงความรุ่งเรืองทางการค้าในช่องแคบ นับแต่ ภูเก็ต ปีนัง ตรัง ไทรบุรี เมดาน มะละกา เรื่อยลงไปถึง สิงคโปร์ ลูกจ้าง คนรับใช้ ส่วนใหญ่ไม่กล้าแตะต้อง เพราะกลัวเสียหาย


“กลัวทำไม ของใช้สอย มีก็ต้องใช้ เก็บไว้มันก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมีหน้าที่ของมัน จะแตกหักเสื่อมไป ก็เป็นธรรมดา” เธอเป็นคนทันสมัย ไม่โบราณ ลูกจ้าง คนรับใช้ จึงรักและเกรงเธออยู่ในที


“เวลาทำโตวยูบัก กะทะต้องร้อน ใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อยก่อน เอาขิงหั่นหนาสัก 2-3 ชิ้น ลงเคล้ากะทะให้หอม ต้นหอมหั่นปลายออก แล้วลงเคล้ากัน แล้วตามด้วยก้านอบเชย โป่ยกัก” คนรับใช้ต่างคอยดูทุกครั้งที่ “นายแม่” ลงครัว


กลิ่นหอมเครื่องเทศระคนขิง ต้นหอม ฟุ้งทั่ว เป็นกลิ่นที่ทำให้อาเบ๋งสูดหายใจลึกๆ นึกถึงความหลังทุกครั้งไป


“ใส่น้ำมันเพิ่มอีกหน่อย เอากระเทียมสับลง ผัดจนหอม เหลืองใส่หมูติดมันก่อน มันจากเนื้อหมูจะช่วยขับกลิ่นเครื่องเทศให้หอมขึ้นอีก ใส่ส่วนเนื้อลงผัด ซิอ๊วดำเค็ม เติมลงไป กะเอาให้ทั่วเนื้อหมู แล้วใส่น้ำตาลมะพร้าวนะ”


เธอฝึกเด็กรับใช้ในบ้านทุกคน ก่อนที่จะไปออกเรือน ให้มีความรู้วิชาติดตัว วันหนึ่งข้างหน้าใช้ทำมาหากินได้


“โลกสมัยใหม่ ผู้หญิงต้องทำงานรู้ไหม อย่าแค่อยู่บ้าน เลี้ยงลูก” ชมจันทราอบรม


Comments


bottom of page