top of page

เวลา (๓)

Updated: Jul 30, 2022



เวลา (๓)


นึกๆ ดูก็คิดว่าตัวนั้นโชคดี ที่เกิดในยุคปี ๒๕๑๐ - ๒๕๑๘ หรือจะเรียกอย่างฝรั่งคือ Gen X เด็กๆ ที่เกิดในช่วงเวลานั้น แทบจะไม่ต่างจากวัยรุ่นในขณะนั้น ที่เกิดระหว่างปี ๒๕๐๐ - ๒๕๐๙ เลย เป็นช่วงแห่งความยากลำบาก ขาดแคลนไปเสียหมด ไฟฟ้า น้ำประปา น้ำตาล น้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ​ แต่เด็กแต่น้อย พ่อแม่ ครูอาจารย์ก็สอนให้ประหยัด อดออม ไม่ใช้จ่ายเกินจำเป็น เก็บเงินได้หน่อยเดียว ก็วิ่งไปฝาก ออมสิน จำได้ว่ากำธนบัตรใบละ ๑๐๐ ไปธนาคารออมสิน เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก ดูแลจัดการเอาสมุดไปปรับยอด ก่อนเดินจากไป ก็จะยิ้มให้ แล้วชวนให้กลับมาฝากอีก สมัยก่อน จะมีรถเข็นขายกระปุกออมสิน แม่จะซื้อให้คนละใบ ลูกๆ แข่งกับเก็บเงิน กระปุกเต็ม ก็ทุบ เอาไปฝากธนาคารต่อ โฆษณาทางโทรทัศน์ ต่างก็อุดหนุนส่งเสริมให้ประหยัด


เวลาล่วงเลยมาเกินกลางคน มองเด็กๆ รุ่นลูก หลาน ใช้จ่ายกัน ก็ได้แต่ “ถอนใจ” ไม่เลย ไม่นึกตำหนิพวกเขาเลย แต่กลับ “เห็นใจ” ที่เกิดมาในยุคบริโภคนิยม ทุกวันมีแต่ ของ สินค้า จำเป็นบ้าง ไม่จำเป็นบ้าง ให้ซื้อ และซื้อ! หากเงินทองขาดมือ ก็ยุยงให้กู้ยืม สุดท้ายหากยังไม่พอใช้จ่าย ก็อาจหันเหไปทางการพนันขันต่อ พวกเขาเติบโตในสังคมที่เป็นพิษ ชวนให้มองย้อนกลับไปเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น การจะมีบัตรเครดิตสักใบ เป็นเรื่อง “เกินเอื้อม” ต้องอาศัยใบบุญพ่อ พ่วงบัตรเสริม ใช้จ่ายอะไร พ่อ ก็จะรู้หมด สำคัญ พ่อ ห้ามไม่ให้จ่ายหนี้แบบขั้นต่ำ ทุกครั้งต้องจ่ายหมด


“กินข้าวก่อน ออกไปข้างนอก ไม่ต้องเสียตังค์” แม่จะพูดแบบนี้ทุกครั้ง เพราะ หากไม่ใช่เพิงข้าวแกงปากซอย ร้านอาหารต่างๆ ย่อมมีราคา ของกินสมัยใหม่ในเวลานั้น ไม่เคยได้กิน ได้แต่มอง จนมาทุกวันนี้ ในวัย ๕๐ ปี ก็เห็นเป็นเรื่องตลก เพราะไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านเลย ใช่ว่าไม่มีทุน ไม่มีเงิน แต่กลัวเรื่องการปรุงรส ที่เกิน “อร่อย” กินกี่ร้านเหมือนกันหมด ผิดกับ เด็กๆ สมัยนี้ ที่ฝากท้องไว้กับร้านอาหารตามห้างต่างๆ เงินทองได้มา หมดไปกับ การกิน ดื่ม เดินทาง จับจ่าย ตามกระแส “ล้นบริโภค”


มองดูด้วยความเข้าใจ แล้วถอยกลับเข้ามาอยู่ในที่ทางของตน ยุคสมัยมี ไม่มีใครเตือนใครได้อีกต่อไป เพราะอาจไปก้ำเกินเสรีผู้อื่น ขอบคุณชะตาที่ได้เกิดมาก่อน และได้เห็นความเรียบง่ายของชีวิต #เบี้ยบ้ายรายทาง #เรือนบางระมาด


อ่านเพิ่มเติมที่ www.ruenbangramat.com

19 views0 comments

コメント


bottom of page