top of page

แสงสรวงสัชชนาไลย ๓ : ชมเมืองสวรรคโลก (๑)



รถ ๓ ล้อเครื่องวิ่งวนไปมา ดูขวักไขว่ อันที่จริง จะเรียก ๓ ล้อก็ไม่เต็มปากนัก แน่ละหากนับจำนวนล้อ ก็มีแค่ ๓ ทว่าตัวรถนั้นปรับมากจากรถถีบรับซื้อของเก่า ที่มักเรียกกันทั่วไป “ซาเล้ง” ผู้โดยสารขึ้นและนั่งหันหน้าออก


“คล้ายที่เวียดนามนะคะ แต่ที่นี่เป็นเครื่องแทน” จันนวลเอ่ย


“รถราที่สวรรคโลกนี่ ไม่สะดวกสบายเท่าไรค่ะ ไปไหนมาไหน ก็โทรตาม ๓ ล้อเครื่องนี่มา สะดวกดี เห็นแบบนี้ ไปถึงสนามบินได้นะคะ” แม่ลำพาเล่าเรื่อย


ยามสาย ตลาดสวรรคโลกยังคึกคัก ชาวบ้านจับจ่ายใช้สอย แลดูเพลินตา ทั้งของสดของแห้ง เรียงรายไป บ้างขายบนแผง บ้างขายตามทางเดิน นั่งกับพื้น ผักพื้นบ้านบางอย่าง ก็ไม่เคยเห็น คอยถามแม่ลำพา เรื่อยไป จันนวลไม่รู้ตัวว่า ตกเป็นเป้าสายตาคนในตลาด ร่างสูงโปร่ง ทะมัดทแมง ใส่เสื้อยืดสีขาวเรียบ กางเกงยีนส์สีซีด หยิบจับผลหมากรากไม้ จับจ่ายเพลิน


“มีอะโวคาโด ด้วย” จันนวลเลือกหยิบมาพอทำสลัด ไต่ถามได้ความว่า มาจากเมืองน่าน สับปะรดลูกย่อมๆ ไม่กี่สิบบาท ทั้งมีทุเรียนวางเรียงรายอยู่ตามพื้น ด้วยบ้านที่คลองชักพระเอง ก็เคยมีทุเรียน จึ่งพอดูเป็นอยู่บ้าง


“ทุเรียนป่า ใช่ไหมคะ” จันนวลถาม


“จ้า มาแต่เมืองลับแลโน่น เคยไปเที่ยวไหมจ๊ะ แม่คุณสวยอย่างกับนางฟ้า” แม่ค้าทุเรียนหยอกเย้า ยิ้มกว้าง ใจดี สบายอารมณ์


“ใครน่ะ ยายลำพา” จันนวล แว่วเสียงถามเบาๆ จากคนในตลาด ซึ่งดูจะอยากรู้ว่าเธอคือใคร


“ลูกท่านนายพล กับคุณหอมน่ะ เธอกลับมาธุระ มาเที่ยว” แม่ลำพา โอภาปราศรัย ตอบแทนจันนวลเสียสิ้น


ถัดจากแผงผลไม้ แผงปลาแห้งนานา เรียงรายให้เลือกซื้อ แต่ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไรบ้าง รู้ก็แต่ปลาสลิดเท่านั้น


“ปลาพวกนี้ เป็นปลาในน้ำยมนี่ล่ะค่ะ ส่วนมากก็มาจากบ้านกง เลยเมืองเก่าลงไปอีก แถวนั้นปลาชุกชุม จับขายกันเป็นล่ำเป็นสัน”


“เก่งนะคะ ล้างสะอาด คงใช้เกลือดีด้วย กลิ่นปลาไม่แรง”


“คุณหนูดูเป็นด้วย”


“คุณยายสอนมาบ้างค่ะ แถวบ้านในคลองชักพระ เองก็มีคนขายปลาตากแห้งอยู่มาก แต่ก็เป็น ปลาช่อน ส่วนใหญ่”


ฝั่งตรงข้ามแผงของสด มีตึกแถวร้านค้าชาวจีนเรียงรายกันไป ที่หัวมุมมีร้านข้าวสารหลายชนิด และดูน่าสนใจ เพราะคล้ายกับที่จันนวลเห็นเมื่อเด็ก


“เป็นลูกบ้านไหน ไม่เคยเห็นหน้า กลับมาเที่ยวบ้านเหรอ” เจ้าของร้านต่างๆ ที่จันนวลแวะชม มักจะมีคำถามเดียวกัน แม้น้ำเสียงจะฟังขึงขัง คล้ายถามเอาความ แต่สายตา คนสวรรคโลก อ่อนโยนเป็นมิตร


“มาเที่ยวค่ะ อยู่บ้านแม่ลำพา” จันนวล พยายามตอบให้ง่ายที่สุด แม่ลำพาเดินตามหลังมา ก็จะคอยตอบคำถามคนในตลาด


“คนที่นี่ ทักทายกันเสียงดัง พูดจา ออกจะแห้งไปสักหน่อย แต่ใจดีค่ะ คุณหนู เขาสนใจคุณหนู กันใหญ่ เพราะสะดุดตา หน้าเป็นไทย แต่สูงอย่างกับฝรั่ง”


เดินเรื่อยไป จนสังเกตุเห็นร้านเรือนแถวไม้อย่างโบราณ ทอดตัวยายไปตามแม่น้ำยม ‘คงจะเป็นร้านกาแฟกระมัง’ จันนวลคิด และตรงเข้าไป


สายตาหนุ่มใหญ่ที่นั่งดูแบบแปลนอะไรสักอย่างมอง จันนวล ไม่วางตา และส่งสัญญาณห้ามแม่ลำพาพูดใดๆ


ร้านกาแฟทันสมัยตกแต่งเรียบง่าย เก็บโครงสร้างอาคารไม้เดิมไว้ มองเห็นขื่อบนเพดาน เรียงกันไปชัดเจน มีนักปั่นจักรยานชาวตะวันตก ๔-๕ คนในร้าน ยิ้มทักทายจันนวล จันนวลยิ้มทักทายกลับเป็นภาษาเยอรมัน สร้างความประทับใจให้ชาวตะวันตกกลุ่มนั้น พลางหันมาสบตาหนุ่มใหญ่ที่มองมา


จันนวลยิ้มทักทาย อีกฝ่ายจ้องไม่วางตา พลางนึก ‘เขาจำเราไม่ได้’


แม่ลำพามองอยู่จึงตัดสินใจ เข้ามาแนะนำ “คุณหนูคะ นี่คุณ กรัน เพื่อนบ้านเราค่ะ วันนั้นไอ้มั่นขอยืมรถไปรับคุณหนูที่สนามบินไงคะ”


ตามมารยาท จันนวลยกมือขึ้นไหว้ “ขอบคุณนะคะ บ้านเราคงรบกวนคุณหลายอย่าง รู้สึกเกรงใจคะ”


กรันเอง กลับเป็นฝ่ายที่ อ้ำอึ้งไป และพูดเพียง “ยินดีครับ”


จันนวลรอกาแฟดำ พลางเหลือบไปเห็น โถน้ำตาล เป็นก้อนเล็กก้อนน้อย แหลกไม่เท่ากัน


“แม่ลำพาคะ นี่ น้ำตาลอ้อยอย่างที่แม่เคยทำหรือเปล่าคะ”


“ใ่ช่ค่ะ เดี๋ยวนี้ ร้านกาแฟใหม่ เริ่มกลับมาใช้กันมากค่ะ ว่ากันว่า แนวสุขภาพ” แม่ลำพาตอบ


กรัน ยังคงลอบชำเลืองมอง บุคคลิกมั่นใจ หากไม่ใช้เรือนผมสีดำขลับและดวงหน้าแบบชาวตะวันออก ก็จะคิดว่า จันนวล เป็นฝรั่งเป็นแน่


จันนวลรับแก้วกาแฟร้อน พลางเดินออกมาที่ชานร้านกาแฟริม แม่น้ำยม ทอดสายตามองไปไกลสุดคุ้งน้ำ น้ำยมยามต้นฤดูฝนในวันนี้ ไม่เชี่ยวกรากอีกต่อไป ด้วยมีประตูกั้นน้ำอยู่เหนือขึ้นไป ทว่าไหลเอื่อย ทำให้ คิดถึงเพลงโปรดของแม่ที่มักเปิดแผ่นเสียง “Moon River”


Moon river, wider than a mile

I'm crossin' you in style some day

Old dream maker, you heartbreaker

Wherever you're goin', I'm goin' your way


Two drifters, off to see the world

There's such a lot of world to see

We're after the same rainbow's end, waitin' 'round the bend

My huckleberry friend, Moon River, and me


Two drifters, off to see the world

There's such a lot of world to see

We're after the same rainbow's end, waitin' 'round the bend

My huckleberry friend, Moon River, and me


‘คุ้งแม่ยมงาม อ่อนหวาน’


“คุณกรัน แกเป็นสถาปนิก ตระกูลฝ่ายพ่อของแกมีฝีมือมากทางไม้ เล่ากันว่ามีปางช้างอยู่แถบแม่สินเลยนะคะ ชั้นทวดนี่ เห็นว่าชักลากไม้ มีโรงเลื่อยเล็กๆ สมัยก่อน ใครจะสร้างเรือน ต้องมาขอให้ คุณปู่ คุณพ่อ คุณกรัน แกไปดู เสาะหาไม้ พอปิดป่า ที่เมืองแพร่ การค้าไม้ก็ซบ เรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น เสียเลือดเสียเนื้อ คุณกรันเอง มีเลือดพ่อแกเต็มๆ ฝีมือออกแบบ เข้าไม้นี่ ทั้งสุโขทัยไม่มีใครเทียม ป้าเองก็อยากให้คุณหนูทาบทามแกมาซ่อมเรือนเรา หากคุณหนูจะเก็บเรือนไว้”


จันนวลยิ้มรับ “ขอเวลานิดนะคะ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไร”


แม่ลำพาเสเปลี่ยนเรื่อง “เราเดินไปธนาคารกันดีไหมคะ เดินผ่านช่วงตึกนี้ไปก็ถึงแล้ว มีร้านรวงเก่าๆ เยอะแยะ”


สวรรคโลก ไม่ได้หมุนไปตามกาลเวลา ทุกอย่างดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ร้านขายเครื่องจับปลา ทั้งข้อง สวิง แห มีชาวบ้านยืนเลือกซื้อ ตะกร้าหวาย ไม้ไผ่สาน แทบหาไม่ได้ที่ กรุงเทพ แม้แต่ แถวสวนบางกอกน้อย บางระมาด ว่าโบราณแล้ว ก็ยังไม่มี กลับเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันของที่นี่



28 views0 comments

Yorumlar


bottom of page