top of page

แสงสรวงสัชชนาไลย ๗ : สะดือเมือง (1)






อาคารหอสมุดวชิรญาณสีเหลืองอย่างมัสตาร์ดทอดตัวยาว ตัดกับท้องฟ้าใส รถยนต์อย่าง Jeep เคลื่อนเข้าที่จอด จันนวลแลดูสูงโปร่งเมื่อสวมกางเกงยาวกรอมเท้าสีเทาเข้ม ตัดกับเสื้อยืดคอกว้าง สีขาวนวลตา ผ้าคลุมไหล่เนื้อไหมบางเบา ช่วยให้ดูเรียบร้อย กึ่งทางการ


‘แบบนี้ล่ะ แต่งสบายๆ คนที่มาร่วมประชุมก็จะรู้สึกว่าไม่เครียด’ จันนวลมักใส่ใจรายละเอียดความคิดอ่านคนอื่นเสมอ ระหว่างรอเวลา จันนวลตรวจทานหัวข้อที่จะต้องพูดในที่ประชุม พลัน


“นวล ทางนี้” เสียง ดร. นัยน์ ดังขึ้น

จันนวลเดินเข้าไปทักทาย พร้อมก้าวเดินขึ้นกระไดไม้เก่าคร่ำ สีถลอกลอกเป็นแนวยาว บ่งบอกว่าคงรองรับฝีเท้าผู้คนมาเกือบ ๑๐๐ ปี


“ดื่มชาก่อนนะ กรรมการฝ่ายต่างๆ เริ่มทยอยมากันแล้ว เราเชิญผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นมาด้วย เพราะอยากได้ข้อมูลพื้นที่จริง ไม่ใช่แต่ข้อมูลวิชาการ” ดร. นัยน์ชวนคุย


“ดีเลย นัยน์ คนพื้นถิ่นนี่ล่ะ สำคัญที่สุด เขาจะมีแง่มุมเรียบๆ สดใหม่ ไม่แต่งเติมมาก”


“อ้าวนั่น มาพอดี ยืนหันหลัง เต๊ะท่าอยู่นั่น ... เฮ้ย ว่าไง รูปหล่อ” นัยน์เอ่ยทักทาย


“ชายหนุ่มกลางคน สันทัด แต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ออกชมพูอ่อน ตัดกับกางแกงสแลก สีเขียวเข้ม


“คุณ กรัน” จันนวลเอ่ย


“อ้าว นวล รู้จักกรันด้วย เหรอ” นัยน์ออกสงสัย


“เคยพบกันแล้วที่ สวรรคโลก คุณจันนวลเป็นเพื่อนบ้าน” กรันชิงตอบ เมื่อเห็นจันนวลเงียบอยู่


“นวล นี่ล่ะ ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่น เลือดพระร่วง เต็มตัว รักแผ่นดิน ศรีสัชนาลัย สุโขทัย ยิ่งชีพ” นัยน์เอ่ยแซว จันนวลได้แต่ ยิ้ม ยังไม่มีโอกาสเอ่ยอะไร


“อย่าไปฟังครับ ไอ้นัยน์นี่ จอมโม้ ตั้งแต่เข้าทำงานกองเดียวกันแล้วครับ” กรัน แก้เขิน


“ดีจัง ได้คนบ้านใกล้เรือนเคียงมาร่วมงาน งานของนวลคงราบรื่นไปครึ่งหนึ่งแล้ว”

ทั้งสามเดินเข้าห้องประชุมใหญ่ ตกแต่งด้วยเครื่องไม้อย่างโบราณ เครื่องปรับอากาศเป็น “สิ่งแปลกปลอมต่างยุค” เพียงอย่างเดียว ช่วยให้ห้องเย็นสบาย เมื่อทุกคนมาถึงและลงนั่ง อธิบดี กรมศิลปากร กล่าวต้อนรับ ตัวแทนฝ่ายวิชาการจาก UNESCO และแขกชาวต่างประเทศ ชาวไทย ที่เชิญมาร่วมประชุม


ในฐานะตัวแทนฝ่ายวิชาการ จันนวล ขึ้นแถลงเป็นภาษาอังกฤษ


“Thank you all for the very warm welcome …


ดังที่ท่านอธิบดีได้เกริ่นนำไว้แล้วว่า UNESCO มีโครงการใหญ่ที่จะ “หวนเยือน” มรดกโลกทุกแห่งในแต่ละภูมิภาคของโลก ในส่วนประเทศไทยเรา กล่าวได้ว่า อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร เป็นแหล่งมรดกโลกแรกๆ ที่ท่านอดีตอธิบดีกรมศิลปากร นิคม มุสิกะคามะ ได้ผลักดันจนเกิดผลสำเร็จ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ประทับใจชาวต่างประเทศ มากว่า ๒๐ ปี และทำให้ชาวต่างประเทศรู้จักประเทศไทยยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสง่างามแห่งโบราณสถานเหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มี ชุมชน คือ คน ผู้สร้างสรรค์ ศิลปสถานเหล่านี้ขึ้นมา ในการ “หวนเยือน” ครั้งนี้ ทาง UNESCO ปรารถนาที่จะนำ “ผู้คน” ซึ่งเป็น มิติสำคัญของประวัติศาสตร์เข้ามาประกอบ โบราณสถานซึ่งเป็นมรดกโลก เพื่อให้เห็น ประวัติศาสตรที่มีชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่ สถานที่ท่องเที่ยว เท่านั้น “ชีวิต ความเป็นอยู่” ของผู้คน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างสรรค์งานศิลปสถาน และวัตถุ ควรนำมาเสนอให้แก่ชาวโลกได้ศึกษาด้วย ...


Thank you very much


เมื่อกล่าวเป็นภาษาอังกฤษจบ จันนวลกล่าวถ้อยคำอีกครั้งเป็นภาษาฝรั่งเศสเพราะมีคณะผู้แทนจาก UNESCO มาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย


“เยี่ยมมากนวล เธอนี่ ยังเหมือนเดิม กระชับ ครบความ ไม่เยิ่นเย้อ ลากยาว” นัยน์เอ่ยชม


“เก่งจังครับ อังกฤษก็คล่อง ฝรั่งเศสก็ได้” กรันเอ่ยชม


“นี่ แม่ยังไม่พ่นเยอรมันนะ” นัยน์แซว


“พอๆ ค่ะ นัยน์” พลางหันไปทางกรัน “เยอรมัน อังกฤษ ต้องใช้ประจำอยู่แล้วค่ะ ส่วนฝรั่งเศส จำเป็นต้องรู้บ้าง ในการทำงานด้านวัฒนธรรม” จันนวลขอบคุณ กรัน


“หิวแล้วว่ะ ไงดี เสือสวรรคโลกลงมากรุงเทพทั้งที ขอเลี้ยงหน่อย เห็นหน้ามันไทยๆ แบบนี ชอบกินอาหารจีนนะ นวล ไปด้วยกันนะ นวล ตั้งแต่มานี้ ยังไม่ได้กินข้าวด้วยกันเลย” นัยน์เอ่ยชวน


“ไม่ล่ะ นัยน์ เราขอเดินเล่นอยู่ในเมืองแถวนี้ ก่อน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ อยู่ไม่ไกลจากนี่ ใช่ไหม นัยน์” นวลบอกปัด ด้วยเกรงสายตา กรันที่คอยมองตลอดเวลา


“โอยยย เธอ พิพิธภัณฑ์ไม่หายไปไหนหรอกน่า ไปด้วยกันเถอะ ฉันจะพาไปร้านจีนคลาสสิกๆ แบบที่เธอชอบไง ย่งฮั้ว ตรงวัดสุทัศน์ นี่เอง ไม่ไกลหรอก ขับรถยังไม่ทันเหยียบคันเร่งเลย”


จันนวล สะดุดหู ที่ ‘วัดสุทัศน์’ พลางนึก เอ วัดที่คุณทวดเคยตามเพื่อนเข้ามากรุงเทพไหมนะ


“วัดสุทัศน์ เหรอ เอ วัดใหญ่ๆ สวยๆ ใช่ไหม” จันนวลเอ่ยถาม


“ใหญ่สิจ๊ะ มาดาม กลางสะดือเมืองขนาดนั้น เอาสิ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะพาเดินย่อย ชมวัดชมวัง” นัยน์ เอาวัดมาล่อใจ จันนวล


ย่งฮั้วภัตตาคาร เก่าแก่คู่พระนครมากว่า ๖๐ ปี ยังคงรับรองลูกค้าผู้ใหญ่ ข้าราชการ นักการเมือง อยู่เรื่อยๆ กรัน กับ นัยน์ และเพื่อนข้าราชการกรมศิลปากร ชื่นชมร้านนี้เรื่อยมา


“ไงไอ้เสือ อย่างเก่าไหมวะ กุ้งอบ ออส่วน ปลานึ่งมะนาว ....” นัยน์เอ่ย


“นวลอยากทานอะไร อยู่ทางอีหรอบ (ยุโรป) มานาน คงลืมอาหารจีนหมดแล้ว


“ไม่ค่อยได้กินหรอก ส่วนใหญ่ก็ทำอาหารไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง อาหารจีน ต้องบ้านเรา นะ นัยน์ถึงจะถูกปาก” จันนวล ตอบ พลางเลือก น้ำแกงเยื่อไผ่ ข้าวผัดปู


สั่งกับข้าวเสร็จสรรพ นัยน์ชวนคุย เพราะเห็นจันนวลมองไปทาง พระวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม และเสาชิงช้า


“นี่แนะ นวล เรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ ใจกลางพระนครเลยทีเดียวนะ นวลเห็นเสาชิงช้านั่นไหมล่ะ ตรงนั้นน่ะ เขาเรียก สะดือเมือง” นัยน์ เริ่ม สาธยาย


“สะดือเมือง?”


28 views0 comments

Comments


bottom of page