top of page

แสงสรวงสัชชนาไลย(๒๑) : สวรรคโลกเมืองต่อแดน (1)




ฟ้าไม่ทันสาง จันนวลตื่นขึ้น เพราะต้องทำเส้นก๋วยเตี๋ยวและเตรียมเครื่องผัดหมูสับไว้กินกับเส้น กลับมาสรรคโลกคราวนี้ จันนวลสั่งเครื่องครัว เครื่องปรุง มาหลายต่อหลายอย่าง ค่อยๆ ทยอยถึงบ้าน ลมโชยอ่อน พอสบายตัวคล้ายมีฝน แต่ไม่อบอ้าวอย่างปลายฤดูร้อน ลงมาถึงหน้าโรงหีบอ้อย ประตูเปิดออกไว้แล้ว คงเป็นแม่ลำพามาเปิดไว้


“คุณหนูตื่นเช้าจังครับ” นายมั่นทัก และเตรียมก่อไฟ จันนวลชอบเตาถ่านอย่างเก่า เพราะคุมไฟง่าย ทำกับข้าวไทย ต้องใช้เตาถ่าน ไฟแรงผัดอะไรก็อร่อย หากจะราไฟ ก็กลบด้วยขี้เถ้า แสนจะสะดวกสบาย ทำก๋วยเตี๋ยวหมูสับ


“ค่ะ พี่มั่นต้องมาทำเส้นก๋วยเตี๋ยว เตรียมเครื่องผัดอีกค่ะ”


“มีหอมใหญ่ กระเทียม รากผักชี ขึ่นฉ่าย หมูสับ ใช่ไหมคะ” แม่ลำพาเดินเข้ามา พลางว่าต่อ


“บ้านเราไม่มีชีวิตชีวาอย่างนี้มานานเหลือเกินค่ะ คุณหนู เอ ถ้าทำเยอะหน่อย เราไปถวายภัตตาหารเพลที่วัดกลางก็ดีนะคะ บ้านเรากับวัดกลางก็คุ้นเคยกันมานาน ตั้งแต่สมัยท่านเจ้าคุณใหญ่”


“ได้ค่ะ ดีเสียอีกด้วย ยังไม่เคยได้ทำบุญที่นี่เลย งั้นอาจจะต้องสับหมูเพิ่ม”


นายมั่นตั้งน้ำต้มในกะละมังเคลือบใบย่อม พอกับกระด้ง ตามที่จันนวลบอก ส่วนจันนวลเอาแป้งข้าวจ้าวที่ผึ่งลมไว้ ผสมกับแป้งมัน ละลายน้ำไว้ คนจนเข้ากันดี รอจนน้ำเดือด


จันนวลขึ้งผ้าขาวบางกับกระด้งจนตึง ตักแป้งข้าวจ้าวผสมเกลี่ยให้ทั่วกระด้ง แล้ววางบนกะละมังน้ำเดือด ปิดด้วยกระด้งอีกใบ เมื่อสุก ยกกระด้งขึ้นคว่ำหน้าลงบนกระด้งที่คว่ำรอไว้ แซะให้แผ่นแป้งหลุดออก แล้วทาน้ำมันมะกอกที่เตรียมไว้ กันแผ่นแป้งต่อไปติดกับแผ่นเดิม


“หอมจังเลยค่ะ คุณหนู” แม่ลำพาเอ่ย พลางรับพยักเพยิดกับ กรัน ที่ซุ่มมองอยู่


“หนูเห็นคุณยายท่านทำมาแต่เด็ก พวกคนจีนที่อยู่ปากคลองชักพระมาสอนให้คนที่บ้านทำ ตอนอยู่ที่ยุโรป ก็ทำกินเองบ้าง เลี้ยงเพื่อนๆ บ้าง นักเรียนไทยบ้างคะ”


กรัน ยืนดูด้วยความทึ่ง ยังมีอะไรอีกมากที่กรันยังไม่รู้จักจันนวล และเขาจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่นอน ...


“เก่งจังเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ด้านหลัง


จันนวลสะดุ้งเล็กน้อย “อ้าว มาแต่เช้าเลย ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้กินนะคะ มีขนมปังอยู่นิดหน่อย เนย กาแฟ....”


“ไม่รีบครับ รอได้ ตั้งใจมาดูคุณนวลทำกับข้าวมากกว่า”


“ในครัวร้อนออกค่ะ เดี๋ยวจะมีกลิ่นติดตัวไปเปล่าๆ” จันนวลพูดพลางยกกระด้งนึ่งเส้นขึ้น คว่ำ ทาน้ำมัน ส่วนแม่ลำพาก็เกลี่ยแป้งลงกระด้งอีกใบ นึ่งต่อ


“เกิดมาเพิ่งเคยทำนี่ล่ะค่ะ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่” แม่ลำพาเอ่ยแกมตื่นเต้น จันนวลยิ้มให้


“กินแล้วจะติดใจเลยค่ะ เสียเวลาหน่อยแต่ได้ของดี ของสะอาด แล้วแม่ลำพาจะไม่ซื้ออีกเลยค่ะ”


จันนวลซอยรากผักชี กะะเทียม ขึ่นฉ่าย ว่องไว “ผักชีที่นี่ต้นใหญ่จังคะ”


“ของที่บ้านนี่ล่ะค่ะ ไอ้มั่นมันปลูกไว้ ไม่อย่างนั้น จะใช้ที เสียเวลาไปซื้อ อยู่หลังเรือนคุณหอมนั่นล่ะค่ะ”


หัวหอมใหญ่หั่นเหลี่ยมเล็ก ลงผัดไฟอ่อน จนใสหอม ใส่รากผักชีกระเทียมตำ ผัดให้หอม ใส่หมูสับลงผัด น้ำตาลมะพร้าวสักปลายก้อย ซีอิ๊วขาว ซี้อิ๊วดำเค็มเล็กน้อย เคล้ากันรอบหนึ่ง ก่อนใส่ผงกะหรี่ เคล้าอีกรอบ ราไฟลงให้เครื่องผัดระอุ ร้อนถึงกัน ยกขึ้น


“ก่อนกิน เรารองจานด้วยผักกาดหอมซอย”


“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าแยกไว้ส่วนหนึ่งเป็นสำรับภัตตาหารเพลนะคะ”


เส้นใหญ่ที่ทำไว้เย็นตัวลง จันนวลหั่นเป็นเส้นกว้าง ใช้ฝ่ามือยีแยกเส้นที่เกาะกันออก เคล้าด้วยซีอิ๊วดำหวานเล็กน้อย


กรันกลับไปดูแลหนูบัว แล้วกลับมาอีก


“มาพอดี หิวหรือยังคะ”


กรันรู้สึกเขินอายน้อยลง และผ่อนคลายเมื่ออยู่ใกล้จันนวล ในวัยนี้ผู้ชายยอมต้องการเพื่อนคู่คิด ไว้คอยตักเตือน ดูแลกัน ความหวือหวาหายไป ความอบอุ่นมั่นคงเข้าแทน แก่ขึ้น ก็รักยากขึ้น แต่ รักนั้น มั่นคง


“นวลแยกส่วนหนึ่งไว้ถวายพระ ตอนเพล อยากไปวัดกลาง พระที่เคยพบน่ะค่ะ”


“ได้ครับ เดี๋ยวผมถามลูกศิษย์ท่านดู แต่ปกติท่านจะไม่ค่อยไปไหนหากไม่มีนิมนต์”


เครื่องสังคโลกเก่าแก่ของคุณหญิงวาดได้นำออกมาใช้อีกครั้ง แม่ลำพาตรวจดูความแข็งแรงว่าจะใช้จัดสำรับถวายพระได้หรือไม่ เกรงว่าเก่าไปจะแตกหักเสียเปล่า



สำรับภัตตาหารสำหรับพระสงฆ์ 3 รูปตามที่ได้รับแจ้งมา พร้อมอยู่ในสำรับ กรันเลี้ยวรถด้วยความระวัง จอดที่หน้ากุฏิฝรั่ง ท่านเจ้าอาวาสมายืนรับ จันนวลกราบลงบนพื้น แล้วเข้าไปจัดสำรับ


“นานมากแล้วนะโยมจันนวล ที่บ้านท่านนายพลขวัญสรวงไม่ได้มาถวายภัตตาหารเพล เล่าต่อๆ กันว่าท่านเจ้าคุณทองคำกับพระยาสวรรครักษราชโยธาสนิทสนมกันมาก คุณหญิงพรรณตักบาตรทุกเช้าไม่เว้นวัน”


“จะพยายามมาถวายเจ้าค่ะ หากมาอยู่ที่สวรรคโลกนี่”


ท่านเจ้าคุณเอ่ยชมที่รักษาเครื่องถ้วยชามสังคโลกโบราณนี่ไว้ได้


“เป็นหน้าเป็นตาของชาวสวรรคโลกศรีสัชนาลัย สมัยนี้ทำออกมาฝีมือไม่ได้ขนาดนี้ แต่ก็อย่าไปถือมั่น กลัวมันแตกหัก ถ้วยชามมันมีไว้ใช้ ก็ต้องใช้”


จันนวลขอตัวไปเดินเล่นด้านหน้าวัด ขณะที่กรันคุยงานเรื่องศาลาการเปรียญกับท่านเจ้าคุณ



ตกบ่าย จันนวลขอตัวเขียนรายงานส่ง UNESCO และเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามี “ภารกิจสำคัญ” รออยู่


ก่อนลงจากรถ กรัน ดึงจันนวลเข้าไปกอด และหอมแก้มแผ่วเบา “อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ เราผ่านชีวิตกันมาครึ่งหนึ่งแล้ว เรามาช่วยกันเติมอีกครึ่งหนึ่งแล้วเดินไปด้วยกัน”


จันนวลยิ้ม จูบที่ริมฝีปากกรันเบาๆ อย่ารีบร้อน ฉันไม่ได้ไปไหน อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะเวลา


ถึงบ้าน จันนวลขอตัวขึ้นไปทำงานบนเรือนเจ้าคุณใหญ่ อุปกรณ์กันเชื้อโรคต่างๆ บรรดามี พร้อมสรรพ


จันนวลสวมถุงมือพลาสติกบางหาซื้อมาจากตลาดวันก่อน เอื้อมมือลงไปหยิบกล่องโลหะ ขึ้นมาจากช่องที่หัวเตียง ‘2 กล่องหรือนี่’


กล่องดีบุกเนื้อดี ด้านไปตามกาลเวลา ปิดสนิท จันนวลใช้แอลกอฮอลสเปรย์ฉีด ทั่วทั้ง 2 กล่อง รอสักพัก ค่อยๆ เปิดออก พบจดหมายปึกใหญ่ หน้าซองลายมือจากไปมาก แต่ยังพอเห็นลางๆ “กรุณาส่ง ร้อยตรี แสง สวรรคโยธิน” ที่มุมบนซ้าย “จาก นายเรือง สุขศรี”

9 views0 comments

Comments


bottom of page