top of page

แสงสรวงสัชชนาไลย ๒๗ : เพื่อนแท้มิตรเดิม


จันนวลหยิบแฟ้มจดหมายออกมา ค่อยเริ่มอ่านไปทีละฉบับ ค่อยๆ คุมอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้ใจร้อน เพราะจะอย่างไรก็อ่านได้แค่ทีละฉบับ ทำได้ทีละเรื่อง


ฉบับที่ ๓


แสงเพื่อนรัก


ข้าขอบใจเองที่ฝากหนังสือพิมพ์ศรีกรุงมาให้ ลำพังข้าเอง คงไม่มีปัญญาจะซื้อได้ทุกฉบับ ต้นเดือนที่ผ่านมานี่ ข้าต่างเกลือจากเมืองน่านไปขายที่เมืองระแหง แลเลยออกไปเมืองมะละแหม่ง พวกปางไม้เล่าว่ามีของฝรั่งงามๆ เยอะ ข้าพอมีทุนรอนบ้างแล้ว อยากเอาของแปลกๆ ลองมาขายบ้านเราดู พวกบุหรี่ เหล้า มี ออกจะแพงอยู่ แต่เชื่อเถิดว่ามีคนซื้อแน่นอน เดี๋ยวนี้ บ้านเราคนร่ำรวยขึ้นมาก ข้าวก็ขายได้มากขึ้น อีกอย่าง น้ำตาลอ้อยบ้านเรานี่ ทางลำปาง ระแหง นี่ ชอบกันจริงๆ ไประแหง มะละแหม่งคราวนี้ ข้าต่างไปขายมากโข ได้ทุนซื้อของกลับมาขายอีก เมืองมะละแหม่งเจริญมากอยู่ ตึกรามสวยงาม มีโรงเรียนฝรั่งตั้งขึ้นแหลายแห่ง แลโบสถ์พระคริสต์ ข้าเองก็อาศัยนอนที่โบสถ์นี่ล่ะ คุณพ่อหมอสอนศาสนาฝากฝังให้ เอาจดหมายแนะนำตัวไป ก็ช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายไปมาก ที่นี่มีห้างไม้ฝรั่งมาตั้งอยู่หลายห้าง ใหญ่ๆ เหนทีจะเปน บริติชบอร์เนียว แลบอมเบย์เบอร์มา ห้างบอมเบย์เบอร์มานี่มีสถานีอยู่แถวหาดเสี้ยวบ้านเรา ทำไม้แถวสะเอียบ เมืองสอง ข้าอยากไปสมัครเปนเสมียนจริงๆ กลับไป คราวนี้จะลองไปเลียบๆ เคียงๆ ดูที เหนว่าพวกแขกกลับไปบ้านก็มาก


เด็กๆ ที่นี่ หากมีฐานะ ก็เข้าเรียนโรงเรียน เซนต แพทตริก เปนโรงเรียนกินนอน เรียนจบมาก็ทำงานให้ห้างฝรั่ง มีชีวิตแบบคนรวย แต่หากเองไปเดินตลาด เองก็เหมือนอยู่ในโลกอีกแห่งทีเดียว คนยากจนมากมาย เดกๆ ตัวเลอะเทอะ วิ่งเล่น คลุกโคลน ทราย บ้านเราแม้ไม่ทันสมัยเท่า แต่ก็ไม่ต้องตกเปนขี้ข้าฝรั่ง อะไรดี ก็โกยไป ข้าว่า อีกหน่อยบ้านเราก็คงจะเจรินขึ้น เดกๆ เริ่มไปโรงเรียนมากขึ้น อ่านหนังสือได้ จะลูกหลานชาวไร่ชาวนา อย่างน้อยก็ต้องรู้หนังสือ ข้าว่านี่เรื่องใหญ่



กลับถึงสวรรคโลกคราวนี้ ข้าจะขอพ่อไปสมัครทำงานที่ห้างฝรั่ง ตอนนี้ ข้าอ่านเขียนภาษาอังกฤศได้มากขึ้นแล้ว หากได้ลองฝึกงาน ข้าว่า พอจะแข่งกับพวกแขกได้ อีกไม่ช้า หากทางรถไฟถึงเชียงใหม่ พ่อค้าวัวต่างอย่างข้ากับพ่อ ก็คงหมดความหมาย อะไรๆ เดี๋ยวนี้ก็รถไฟ วิ่งกันแค่ 2 คืนก็ถึงพระนคร


แล้วเองล่ะ ฝึกรับส่งโทรเลขเปนอย่างไร เองน่ะหัวดี แล้วยังโชคดีด้วย ไม่นานคงโตในราชการ เองคอยดูเถิด วันหนึ่ง หากมีโอกาศ ข้าจะไปพระนคร เยี่ยมเอง ให้จงได้



ฉบับที่ ๔


แสงเพื่อนรัก


ข้าอ่านจดหมายเองล่าสุดแล้ว ไม่สบายใจเท่าไรนัก ข้าเปนก็แต่ลูกพ่อค้าเร่ บางอย่างเหลือสติปัญญาข้าจะแนะนำเองได้ ข้าไม่รู้ว่าทหารกองเสือป่านั้นจะไม่ชอบขี้หน้าเองด้วยเรื่องใด เพราะเองก็เปนทหารเฉกเช่นเดียวกัน หรืออาจเหมนหน้ากันก็เพียงเพราะความคนอง เองนั้นทำถูกควรแล้ว ที่ไม่ได้กราบทูลให้ระคายเคืองเสดจในกรมฯ ท่าน เองน่ะรูปหล่อ ทั้งยังความรู้ คงธัมมดามังที่คนจะเหมนหน้า ข้ายังอิจฉาเลย แล้วเรื่องการเล่าเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เองรับส่งโทรเลขได้ดีขึ้นไหม เหนว่าบ้านเราก็มีตั้งเสาโทรเลขแล้ว ที่ริมน้ำยม นี่หากมีรถไฟไปถึงระแหง ป่านนี้ คงตั้งเสาโทรเลขต่อไปจากเมืองสวรรคโลกแล้ว แต่แค่บ้านเราโทรเลขมาถึงนี้ก็ดีถมแล้วนะ ข้าว่า เกิดมีเรื่องราวก็ส่งหากันเรวดี หมู่นี้ข้าเหนแม่เองสาละวนกับน้ำตาลอ้อย ผู้คนพูดกันนัก น้ำตาลอ้อยแม่พรรณรสดีกว่าบ้านไหน ข้าไปช่วยขนขึ้นรถไฟส่งไปบ้านดารา แม่ค้าตลาดท่าเสาว่าพวกลาวเวียงนี่มารอซื้อน้ำตาลแม่เองเลยนะ บ้านเรานี่ ว่าแล้งแล้ว แต่ก็ยังพอปลูกอะไรๆ ได้ ไม่เหมือนทางลำปาง ดินแตกแห้ง น้ำวังเหือดเดินข้ามได้ ดีว่าในป่าเขายังพอมีตาน้ำ แสง ข้ามีเรื่องจะบอกเอง ข้าได้งานทำเปนผู้ช่วยเสมียนที่ห้างไม้บอมเบย์เบอร์มาแล้ว ข้าดีใจที่สุดเลย ผู้ช่วยคนเก่า พาเมียกลับไปคลอดลูกที่มะละแหม่ง และยังคงไม่กลับมาอีก ข้าดีใจที่ได้อยู่ใกล้บ้านเสียที และจะได้ฝึกเขียนอ่านภาษาอังกฤษที่เราจากคุณพ่อหมอสอนศาสนา ที่หาดเสี้ยว ช่วงปีที่ผ่านมา มีไม้ลงมาจากเมืองแพร่แยะทีเดียว เขาว่าไม้สักทองเมืองแพร่ แถวสะเอียบนี่ เนื้อดี ลายสวย แต่ข้าก็หวั่นใจนะไอ้แสง พวกบริษัทฝรั่งนี่ จะตัดไม้จนหมดป่าไหม บ้านเราแถบเมืองด้งขึ้นไปก็พอมีไม้สัก ดีว่ายังได้ให้ห้างไหนเข้ามาทำไม้ แต่พ่อเคยบอกว่าแถบเมืองด้ง น้อยเกินไป เข้ามาทำแล้วไม่คุ้ม นี่ข้าแว่วมาว่ามีคนจีนจะมาเปิดโรงเลื่อยที่สวรรคโลกบ้านเราเลยนะ ไอ้แสง เพราะส่งไม่แผ่นลงไป ก็ขายได้ง่ายกว่า โรงเลื่อยที่พระนครมีไม่พอ แต่ก็หวั่นกันว่า ไม้แผ่นจะแอบเอาออกไปทางเมืองระแหงเข้ามะละแหม่ง นี่ล่ะเห็นไหม บ้านเราคึกคักกว่าแต่ก่อนมากนัก


ฉบับที่ ๖​


แสงเพื่อนรัก


ข้าขอบใจเองที่ไว้ใจข้า เล่าเรื่องต่างๆ ที่ชวนอึดอัดใจ เล่ามาเถอะ เองจะได้สบายใจขึ้น แต่เองก็ต้องระวังตัวด้วย อย่าได้ให้ใครเหนเวลาเองจดหมายว่า ไอ้แสง หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง เรื่องแนวการปกครองใหม่ เดี๋ยวนี้ข้าเหนว่าเขียนกันทั่วไปในหนังสือพิมพ์ ข้าว่าเรามีอิศระกว่าเดิมมาก คนอ่านออกเขียนได้นี่ก็มาก แต่เรื่อง democracy อะไรนี่ ข้ายังมองไม่เหนทาง พ่อแม่ข้า สนแต่เรื่องเพาะปลูก เขาไม่เหนว่าจะต้องดิ้นรนอะไร แม่เองก็คนในรั้วในวังแต่เก่ามา เขาย่อมรักเจ้านายเขา ยิ่งพ่อเองนั่นทำราชการกรมรถไฟรับใช้เสดจในกรมหลวงกำแพงเพชร ยิ่งไม่มีทางเหนด้วย เองก็ด้วยล่ะ ไอ้แสง รับใช้เสดจในกรมหลวงนครสวรรค เองฤาจะกล้าแย้งกับท่าน มีก็แต่เล่นๆ ข้าเองเหนว่า บ้านเมืองเราเจรินขึ้นมานี้ก็ด้วยความอุตสาหของพระเจ้าแผ่นดินที่ ๕ ข้า จะให้ข้าทรยศพระเจ้าแผ่นดิน ข้าไม่เอา แต่ข้าก็เหนควรอยู่ว่า เราน่าจะได้มีส่วนออกความคิดในการจัดการบ้านเมือง เอาแค่อย่างในสวรรคโลกก็พอ เองเหนไหมเล่านั่น ที่ว่าราชการเมืองก็ใช้จวนเจ้าเมือง ย้ายไปเรื่อย ข้าว่าหากเอากำไรจากพืชไร่ น้ำตาลอ้อย ข้าว ค่าผูกซุง ภาษีขนอน รวมกันแล้วในเมืองเรา เอามาปรับปรุงให้บ้านเราทันสมัย น่าจะทำได้เรวกว่า แต่นี่ต้องรอเงินจากหลวง เองน่าจะรู้ดีกว่าข้านะ ไอ้แสง พระนครคงจะงาม เจรินหูเจรินตา แต่เองมาดูสิ แถบบ้านเราไม่ไปถึงไหนเลย เรื่องราวต่างๆ ในบ้านเรา พวกฝรั่งมันคุยกันหึ่งว่า คงต้องเปลี่ยนแปลง พวกกุลีจีนอีก พวกนี้เคลื่อนไหวกันมาก บ้านเมืองเขาระส่ำ เข้าด้ายเข้าเข็ม หนีมาอยู่บ้านเมืองเรา แต่ก็ส่งเงินกลับไปช่วย พวกนี้มันรู้อยู่ ไอ้แสง มันรู้ว่าเราต้องใช้แรงงานมัน มันเลยกล้าต่อรอง ลุกฮือเอานั่นเอานี่ แต่เชื่อเถอะ สุดท้ายไม่มีใครกลับบ้านเกิด เพราะรู้ว่ากลับไปก็ตาย ข้าคุยกับนายห้างฝรั่งอยู่บ่อยๆ


เออ ไอ้แสง นายห้างให้ข้าตามไปห้างไม้ที่พระนครเข้าว่าจะให้ข้าไปอยู่จัดไม้ที่ล่องลงไป เสมียนจีนปีนังล้มป่วย ที่พระนครไม่มีคน ข้านี้ดีใจจนเนื้อเต้นว่ะ ไอ้แสง อีกไม่ช้า ข้าจะได้ไปเหนพระนครเสียที อยากไปเยี่ยมหนังสือพิมพ์ศรีกรุงไวๆ ข้าจะจดหมายไปบอกทางบรรณาธิกรว่าจะขอไปดูงาน มันเปนความฝันของข้าจริงๆ เลย ไอ้แสง งามหนังสือพิมพ์



ฉบับที่ ๗​



แสงเพื่อนรัก



ข้ากลับถึงสวรรคโลกได้สักสัปดาหแล้ว เพิ่งได้ลงนั่งจดหมายถึงเองนี่ ข้าดีใจจริงๆ ที่ได้พบเองครั้งนี้ ขอบใจเองมากที่ให้ข้าได้พักที่บ้านของเอง ท่านเจ้าคุณประชาบริบาร คุณปู่ใจดีนัก น้ำใจกว้างขวางปานแม่น้ำ หากข้ามีโอกาสจักต้องไปพระนครอีกแปนแน่ แลไม่ลืมไปบางกอกน้อยเยี่ยมท่าน ข้าขอบใจเองที่พาข้าไปเปิดหูเปิดตา เที่ยวเยาวราช เองเอ๋ยเกิดมาข้าไม่เคยได้กินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าอร่อยอย่างนี้เลย อะไรๆ ที่เยาวราชน่ากินไปเสียสิ้น แต่ชีวิตในย่านนั้นก็อันตราย โรงฝิ่น โรงบ่อน นี่ถ้าเองไม่ใช่ทหาร ข้าก็คงไม่เฉียดไปเปนแน่ ข้าดีใจที่ได้ไปเยี่ยมสำนักหนังสือพิมพ์ศรีกรุง ข้าคุยกับบรรณาธิกรและนักเขียน นักข่าว อีกหลายคน อยู่นาน ล้วนแต่เปนคนหนุ่มไฟแรง แสง มาพระนครครั้งแรกของข้าคราวนี้ ทำให้รู้ว่า บ้านเรายังห่างไกลความเจรินมาก หากไม่นับว่ามีรถไฟไปถึงบ้านเรา สวรรคโลกกับพระนครเหมือนอยู่กันคนละโลกเลยเทียว ข้าเองก็เหนด้วยกับกลุ่มนักเขียนหนุ่มนะ บางทีน่าจะให้ชาวบ้าน คนทั่วไป เข้าไปร่วมจัดการบ้านเมือง เพราะชาวบ้านจะเหนปัญหาอย่างไรเล่า จริงอยู่อย่างเองว่าจ้าวนายท่านเสดจเยี่ยม ข้อนี้ข้าไม่เถียง แต่มันจะพอฤาแสง บ้านเมืองขัณฑสีมากว้างใหญ่ ข้าเหนด้วยนะกับระบอบเดโมเครซี ชาวบ้านต้องได้เรียนรู้ดูแลตัวแลบ้านเมือง การเพาะปลูก เกบเกี่ยว จ่ายภาษี ไปวันหนึ่งๆ เรื่อยๆ ไม่ได้หรอก ข้าว่า เหมือนกับที่คุณพ่อหมอศาสนาว่า คนเกิดมาย่อมเท่าเทียมกัน เคารพกันที่ความเปนคน เองอาจมองว่าข้ากระด้างกระเดื่อง อย่าได้เข้าใจข้าผิดไปทางอื่น ข้ายังเคารพนิยมพระเจ้าแผ่นดินไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ข้าคิดว่าบ้านเมืองเรากว้างขวางขึ้น แสงเองดูสิ กุลีจีนเตมบ้านเมือง พวกนักเลงเกเรก็มากขึ้น หลวงท่านจะดูแลอย่างไร รอเพียงคำสั่ง จะทันการฤาไม่


อีก ๓ เดือน นายห้างให้ข้าย้ายลงไปทำงานที่พระนคร เพราะเสมียนจีนขอย้ายขึ้นไปเมืองแพร่ตามเมียเขา ข้าเลยได้ย้ายลงไปพระนคร ทางห้างไม้ มีเรือนพักให้ข้าอยู่แถว ถนนตก ก็นักว่าสดวกสบาย เช้าขึ้นก็นั่งรถรางไปห้าง ข้าตื่นเต้นว่ะแสง ได้ไปทำงานที่พระนคร ข้าจะได้มีเวลาเขียนเรียงความส่งศรีกรุงได้มากขึ้น ...


39 views0 comments

Comments


bottom of page